1.เมื่อวันที่ 2 ก.ค.ที่ผ่านมาสหภาพแรงงานองค์การค้าของคุรุสภา (สกสค.) ได้ออกแถลงการณ์จากกรณีคณะกรรมการบริหารองค์การค้าของ สกสค.มีมติเลิกจ้างพนักงานเจ้าหน้าที่องค์การค้าของ สกสค.จำนวน 961 คน และรอเลิกจ้างเจ้าหน้าที่ที่เกษียณในเดือน ก.ย.2563 นี้ ตามคำสั่งองค์การค้าของ สกสค.ที่ 85/2563 นั้น
2.พนักงานขององค์การค้าฯ ได้เดินทางไปยื่นคำร้องที่สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานพื้นที่ 4 บังคับให้องค์การค้าฯ จ่ายค่าจ้างเดือนมิถุนายน ตามคำสั่งองค์การค้าฯ ที่ 75/2563 ให้จ่ายค่าจ้าง 75% ของเงินเดือน
3.ล่าสุดสหภาพแรงงานองค์การค้าของคุรุสภาจะเปิดประชุมวิสามัญ โดยมีพนักงานที่ถูกเลิกจ้างขอมติจากสหภาพฯ ขอให้บอร์ดบริหาร สกสค.และผู้บริหารขององค์การการค้า สกสค.ยกเลิกคำสั่งเลิกจ้างพนักงานและให้กลับไปทำหน้าที่ตามปกติ
4.นายนิวัติชัย แจ้งไพร ประธานสหภาพแรงงานองค์การค้าคุรุสภาและนายอารีย์ สืบวงศ์ ที่ปรึกษาสหภาพแรงงานฯ ได้ชี้แจงข้อเท็จจริงโดยยอมรับว่าองค์การฯ ขาดทุนสะสมมานานหลายปีจริง โดยที่ผู้หลักผู้ใหญ่ในประเทศไม่ได้ออกมาเปิดเผยเพราะเป็นปัญหาภายในองค์กร ความคิดในการแก้ปัญหาดังกล่าวมาจากคนที่รัฐบาลส่งเข้ามาเพื่อบริหารและจัดการองค์กร
5.ส่วนที่บอกว่าองค์การขาดทุนนั้น ขอชี้แจงว่าองค์การค้ามีภารกิจและรายได้หลักจากการค้าสิ่งพิมพ์และขายหนังสือแบบเรียนต้นฉบับของ สสวท.และ สพฐ.ซึ่งรายได้ส่วนนี้เป็นรายได้ที่แน่นอนและไม่ควรขาดทุน
6.การขาดทุนเกิดปัญหาจากการนำงานไปว่าจ้างเอกชนภายนอกพิมพ์สิ่งพิมพ์ที่มีการคิดค่าจ้างเป็น 2 เท่าแต่หนังสือที่ส่งขายอยู่ราคาต่ำกว่าต้นทุน ซึ่งเป็นการเปิดช่องว่างของการทุจริต ทำให้องค์การฯ ขาดสภาพคล่องด้านการเงินจึงต้องแก้ไขปัญหาด้วยการเลิกจ้างพนักงานเกือบ 1,000 คน เพื่อลดค่าใช้จ่าย
8.ประธานสหภาพแรงงานฯ มองว่าองค์การค้ายังสามารถไปต่อได้ ถ้ามีผู้บริหารที่ดีจึงควรเปิดโอกาสให้พนักงานกลับไปทำงานเหมือนเดิม จึงอยากเรียกร้องให้ทบทวนและตั้งคณะกรรมการเข้ามาตรวจสอบความไม่ชอบมาพากลที่เกิดขึ้นด้วย
9.ก่อนหน้านี้ นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ได้ให้เหตุผลว่าองค์การค้าฯ ไม่รู้ถึงการขาดสภาพคล่องที่ขาดทุนสะสมมาหลายปีแล้ว จึงจำเป็นต้องปรับเพื่อให้องค์กรอยู่รอด และจะได้ไม่กระทบกับสหกรณ์ออมทรัพย์ครู รวมถึงองค์กรอื่นที่เป็นหน่วยงานหลักภายใต้สังกัดกระทรวงศึกษาธิการ