พระ “นาคปรก” กรุพะงั่ว

พระกรุ

พระนาคปรก “กรุพะงั่ว” นับเป็นพระเครื่ององค์ค่อนข้างเขื่อง ที่คงความยิ่งใหญ่ไร้ใครเทียมทานได้ในยุคนั้นทีเดียว…”ปรกพะงั่ว” (ในวงการเขาชอบเรียกกันสั้นๆ เช่นนี้) กำเนิดเมื่อประมาณ พ.ศ. 1913 – 31 โดยสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 1 หรือที่เรียกกันอีกพระนามหนึ่งว่า “ขุนหลวงพะงั่ว” ได้เป็นผู้ให้กำเนิดไว้ที่ “วัดมหาธาตุ” พระอารามหลวงแห่งกรุงอโยธยาเมื่อครั้งนั้น รวมทั้งพระเครื่องลักษณะพระพิมพ์อื่นๆ อีก เช่น พระหูยาน, พระอู่ทองคางเครา, พระบัว 2 ชั้นขนาดใหญ่, รวมทั้งพระแผงกับพระพุทธรูปศิลปะอู่ทอง และอยุธยาอีกเป็นจำนวนมาก

พระปางนาคปรก “กรุพะงั่ว” หรือ “กรุวัดมหาธาตุ” นี้ เป็นพระเนื้อชินที่เป็นพระศิลปะแบบลพบุรี แต่ผู้ให้จินตนาการเป็นช่าง “อู่ทอง” พระประมาณ 70 % ถูกแช่น้ำอยู่เป็นเวลาร้อยๆ ปี จึงได้เกิดปฏิกิริยาแก่พระเครื่องดังกล่าว เช่น พระเครื่องส่วนมากจะเป็นสนิมเกล็ดกระดี่ (เป็นเกล็ดร่วงหล่นง่าย) ผิวสีองค์พระจะเป็นสีดำอมเทา โดยเฉพาะพระนาคปรกประมาณว่าเป็นพระชำรุดถึง 40% ทีเดียว “ปรกพะงั่ว” มีด้วยกันทั้งหมดกว่า 5 พิมพ์ขึ้นไป และแต่ละพิมพ์ยังแยกแบบออกไปอีก มีตั้งแต่ขนาดใหญ่ (6.5 x 3.3 ซ.ม.) ลงมาจนถึงขนาดเล็ก (4 x 2.5 ซ.ม.) นับเป็นพระเครื่องกรุเดียวที่ฝรั่งมังคาสนใจ และกว้านเช่าไปมิใช่น้อย….

ครับ ฝรั่งเขาสนเรื่องศิลปะในวัตถุโบราณ แต่เราชาวไทยมักอยากได้ไว้บูชากัน ถ้าเป็นเช่นนั้นละก้อ “ปรกพะงั่ว” นี่แหละครับ “แคล้วคลาดคงกระพันชาตรี” ดียอดนัก.

เรื่องราวของพระเครื่องรางของขลัง ต่อไปนี้ก็เห็นจะต้องเอาใจคนที่เกิดวันเสาร์กันหน่อยละ… ครับ พูดขึ้นมาเช่นนี้ ถ้าคนที่เกิดวันเสาร์ไม่รู้ว่าผมจะคุยถึงพระอะไรกันละก้อก็เห็นจะแย่หน่อยครับ ทั้งนี้ก็เพราะพระเครื่องประจำวันของคนเกิดวันเสาร์นี้คือ พระปางนาคปรก พระเครื่องพิมพ์หนึ่งที่งดงามมาก และเป็นที่รู้จักกันดีอยู่แล้วคือ
พระปางนาคปรก ที่ผมจะนำมาคุยกับท่านผู้อ่านนี้ ขอบอกกันไว้เลยว่า ไม่ใช่ปรกวัดปืน หรือของวัดพระศรีรัตนมหาธาตุลพบุรีแน่ ๆ หรือถ้าจะทายว่าคงจะเป็น พระนาคปรกใบมะขาม จากกรุเมืองพิจิตร หรือปรกวัดท้ายตลาด องค์เล็กกระจิ๋วหลิวเท่าเม็ดข้าวเม่าที่เดี๋ยวนี้เล่นกันเป็นหมื่นนั้น ก็ไม่ใช่อีกเช่นกัน เพราะพระที่ผมจะนำมาคุยกับท่านนี้ องค์ออกจะค่อนข้างใหญ่สักหน่อย…เขาเรียกว่า….

พระนาคปรกกรุ พะงั่ว

ว่ากันด้าน งาม ลึก คม และใหญ่ กันแล้ว ในวงการพระเครื่องจะคุยเฟื่องเรื่อง ปรก กันละก้อ เห็นทีต้องยกให้กับ ปรกพะงั่ว เมืองอยุธยาเขามาเป็นหนึ่งแน่ ก็จะไม่ให้คุยเช่นนั้นได้อย่างไร เพราะท่านงามจนใครเห็นก็มักพูดว่า ช่างประทับใจแท้ ถ้าท่านไม่แน่จริงฝรั่งคงไม่ลนลานออกใบสั่งให้เซียนกวาดออกนอก ไปจนเกือบเหี้ยนสนามแล้วเป็นแน่….

พระวัดมหาธาตุ แตกกรุ

พระนาคปรกกรุพะงั่วขุดพบได้ในบริเวณวัดมหาธาตุ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เมื่อพ.ศ. 2499 สาเหตุที่กรุวัดมหาธาตุจะถูกเปิดเป็นทางการก็เนื่องจากได้มีคนร้ายลอบเข้าไปขุดกรุและได้พระเครื่อง, พระพุทธรูป, กับสิ่งมีค่าอีกไปมิใช่น้อย ของที่คนร้ายได้ไปครั้งนั้นเลยเป็นสาเหตุให้ทางการต้องยุติการกระทำของคนร้าย ซึ่งอาจจะต้องมีติดต่อกันต่อไปอีกแน่ ๆ นั้นไว้เสียก่อน นั่นก็คือได้เปิดกรุวัดมหาธาตุเป็นทางการ พร้อมกับได้ทำการบูรณะไปในตัวด้วย

อันพระเครื่ององค์ค่อนข้างเขื่อนที่เรียกว่า ปรกพะงั่ว นี้จะมีขึ้นจากกรุเมื่อครั้งที่ทางการเปิดภายหลังด้วยหรือเปล่า หรือจะมีออกจากกรุมาเฉพาะแต่ที่คนร้ายได้ไว้เท่านั้น…เรื่องนี้เห็นทีจะตอบยากอยู่ จึงขอรู้กันไว้ในฐานะนักพระเครื่องเพียงคร่าว ๆ ไว้ดังนี้ พระเครื่องที่ได้จาก กรุพะงั่ว ในบริเวณวัดมหาธาตุครั้งนั้น นอกจากจะมีพระนาคปรกดังกล่าวแล้ว ก็ยังมีพระแผงปางมหาปาฏิหาริย์พิมพ์ต่าง ๆ อีกหลายแบบ แล้วที่เป็นพระเครื่องขนาดขึ้นคอได้ก็มี เช่น พระอู่ทองคางเครา, พระหูยาน, พระซุ้มเรือนแก้ว, พระปรุหนัง, พระซุ้มนครโกษา และ พระซุ้มคอระฆัง ฯลฯ ที่จำไม่ได้ก็อีกมาก เอาเป็นว่าถ้าไปพบพระเครื่องผิวดำจัดแถมยังเป็นพระสนิมเกล็ดกระดี่เกาะกินผิวจนผุกร่อน โดยเจ้าของเขาบอกว่าเป็นพระอยุธยาละก้อ ให้เชื่อไว้ได้เลยอย่างน้อยถึง 90% น่าจะเป็นพระเครื่องของ กรุพะงั่ว เป็นแน่แท้

ส่วนที่ทำไมจึงมาเรียกพระกรุนี้ทั้งกรุว่าพระ กรุพะงั่ว นั้น เพราะเชื่อกันว่า สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 1 หรือที่เรียกว่า ชุนหลวงพะงั่ว นั้น พระองค์ได้เป็นผู้ปฏิสังขรณ์กรุดังกล่าวนั้นไว้ในวัดมหาธาตุเมื่อพ.ศ. 1917 นั่นเอง ประดานักเลงพระผู้ชอบพระ ปรก ทั้งหลาย เมื่อเห็นปรกกรุนี้เข้าก็เลยพากันเรียกว่า ปรกพะงั่ว หรือ พระ กรุพะงั่ว กันต่อ ๆ มาจนทุกวันนี้

พุทธลักษณะ, ขนาด และ พิมพ์

พระเครื่องพิมพ์นาคปรก จากกรุพะงั่วนี้ เป็นพระเครื่องศิลปะแบบลพบุรี แต่ปฏิบัติการ โดยฝีมือ ช่างอู่ทอง หรือพูดง่าย ๆ ก็คือเป็นพระเครื่องสมัยอยุธยายุคต้น สร้างล้อศิลปะลพบุรีนั่นแหละครับ

ถึงกระนั้นก็เป็นความภาคภูมิใจแก่ชาวอยุธยายิ่งนัก ที่มีพระเครื่องปางนาคปรกองค์ที่ขนาดค่อนใหญ่ไปหน่อย แต่พระพิมพ์นี้ก็สามารถ กินขาด กับปรกทุกกรุได้เลยทีเดียว พระนาคปรกพะงั่ว เป็นพระเครื่องเนื้อชินทั้งหมด มีขึ้นมาจากกรุด้วยกัน 3 ขนาด ดังจะได้กล่าวไว้พอเป็นสังเขปไว้ดังต่อไปนี้
1. พระนาคปรก พิมพ์ใหญ่ ฐานนาคแบบ 3 ขด พระพิมพ์นี้รู้สึกองค์จะค่อนข้างใหญ่เอาจริง ๆ ด้วย เพราะเมื่อวัดขนาดแล้วจะได้ถึง 4 คูณ 7 ซ.ม. พุทธลักษณะของท่านองค์ค่อนข้าง ต้อ ประทับนั่งปางสมาธิขัดราบบนฐานนาค 3 ขด ทรงเครื่องอลังการเยี่ยงศิลปะลพบุรีทุกอย่าง แต่ก็ส่อให้เห็นว่าเป็นฝีมือช่าง อู่ทอง ปฏิบัติการไว้
2. พระนาคปรก พิมพ์กลาง ฐานนาคแบบ 2 ขด พระพิมพ์นี้ขนาดวัดได้ 3 คูณ 6 ซ.ม. เป็นพระเครื่องศิลปะลพบุรี องค์พระประทับบนฐานนาค 2 ขด ซึ่งปรากฏเกล็ดนาคละเอียดเล็กกว่าทุกพิมพ์ ส่วนพุทธลักษณะจะประทับนั่งชะลูดจัดว่างามสมส่วนกว่าทุกพิมพ์อีกด้วย
3. พระนาคปรก พิมพ์เล็ก ฐานนาคแบบ 2 ขด พิมพ์นี้องค์พระจะต้อเตี้ยเล็กกว่า 2 พิมพ์แรก ขนาดวัดได้ 2.7 คูณ 5 ซ.ม. เกล็ดนาคที่ฐานจะใหญ่เหมือน พิมพ์ใหญ่ ทุกอย่าง นอกจากนั้นพุทธลักษณะโดยทั่ว ๆ ไป ก็จะเหมือนกับพิมพ์ใหญ่อีกเช่นกัน แต่ในด้านความงามแล้ว จะหย่อนความงามกว่า 2 พิมพ์แรกอย่างเห็นได้ชัดทีเดียว เรื่อง พิมพ์ ของพระนาคปรกกรุพะงั่วนี้ ยังมีทำเป็นพิมพ์พิเศษ ลักษณะทรงชะลูดเหมือนกับแบบพระนาคปรกธรรมดา แต่ที่ฐานนาคทุกองค์จากปรกพระ ปรกพะงั่ว นี้ จะมีองค์พระเล็ก ๆ ติดอยู่อีกหนึ่งองค์ด้วย ขนาดพระปรกพิมพ์พิเศษนี้ วัดได้ 2.2 คูณ 5.2 ซ.ม. เท่านั้น

สนิม จากพระแช่น้ำและสิ่งเทียม

พระนาคปรก กรุพะงั่ว สร้างเป็นพระเนื้อชินทั้งหมด ยืนยันได้เลยว่า พระปรกกรุนี้ประมาณกว่า 70 % จะเป็นสนิมเกล็ดกระดี่ ประเภทที่เกาะกินพระเป็นเกล็ด ๆ ถ้าเกิดการสั่นสะเทือนขึ้นก็มีหวังสนิมหล่นกราว ส่วนอีก 30% จะเป็นพระชนิด สนิมตีนกา ผิวดำสนิททีเดียว สนิมชนิดนี้ผิวจะไม่เป็นเกล็ด แต่ก็มีรอยร้าวแตกปริอยู่ทั่วองค์ เหตุที่เป็นเช่นนี้ เพราะพระเครื่องส่วนมากจะจมอยู่ในน้ำนานเป็นร้อย ๆ ปี โดยเฉพาะพระปางนาคปรกนี้ ได้มีผู้กล่าวกันว่า พระมักจะจมอยู่ก้นกรุเสียส่วนมาก เรื่องราวของสนิมจึงปรากฏพิสดารขึ้นดังกล่าว

ดังได้กล่าวแล้วนี้ ปรกพะงั่ว ส่วนมากจึงหาสมบูรณ์จริง ๆ นั้นมีน้อยเต็มทนก็เพราะเหตุนี้แหละ สนิมที่เกาะกิน ปรกพะงั่ว จึงไม่ผิดอะไรกับมะเร็งที่เกาะกินมนุษย์ ใครได้พระสนิมประเภทนี้ไว้ หากมิได้มีการบำรุงรักษาพระ ก็ย่อมสูญสลายไปเช่นเดียวกับชีวิตมนุษย์ วิธีแก้ง่ายที่สุดก็คือ ต้องตัดไฟต้นลมเสียก่อน โดยหยุดสนิมมิให้ลุกลามต่อไป ท่านควรใช้น้ำมันจันทร์ชโลมไว้เสมอ เพราะนอกจากจะเป็นยาหยุดสนิมไปในตัวแล้ว ยังเป็นการเพิ่มความเข้มข้นให้กับองค์พระได้อย่างน่าชมอีกมิใช่น้อยทีเดียว

เมื่อพูดถึงเรื่องการชโลมช้ำมันกันแล้ว ก็เลยอยากจะขอแนะนำให้ใช้สำหรับพระของเราที่เนื้อยังแห้งอยู่เท่านั้น แต่ถ้าจะเป็นการเช่าเขาแล้ว ถ้าไปเจอกับพระประเภทชโลมน้ำมันจนชุ่ม แถมยังอัดพลาสติกพรางไว้มิให้เราแตะต้องได้เสียอีกด้วยละก้อ ของชนิดนี้จงดูให้แน่ ๆ เพราะส่วนมากเป็นวิธีการอำพรางสิ่งเทียม เพื่อส่งมากำนัลท่านมากกว่า ปรกพะงั่ว ของแท้นั้น เนื้อและไขขาวจะแห่งสนิทและควรแสดงออกตามลักษณะดังต่อไปนี้
1. พระส่วนมากมักจะเป็นสนิมเกล็ดกระดี่ ผิวจะดำอม สีเทา ตามองค์พระจะมีรอยปริเล็กบ้างใหญ่บ้าง และจะมีริ้วรอยแตกคล้ายลายงาอยู่ด้วย
2. สนิมจะผุเป็นชั้น ๆ ลึกถึงเนื้อในก็ยังดำ
3. องค์พระผิวจะแห้งจัด ถึงแม้จะโดนน้ำมันก็ยังพอสังเกตรู้

ทั้ง 3 ข้อนี้จำไว้ให้แม่น และถ้าไม่ประมาทซะอย่าง พระมือผี ก็เห็นทีจะกินท่านลำบากอยู่ ยกเว้นของปลอมรุ่น พ.ศ. 2522 เท่านั้น พ่อประคุณ มือผี แกทำไว้ดีเลิศจนเห็นแล้วไม่อยากแนะนำให้ใครต่อใครมาสนใจกับปรกตระกูลนี้เลย รู้แล้วให้ระวังไว้ด้วย

ราคาการเช่าและพุทธคุณ

ก็เป็นอันว่า เรื่องของเทียมเราก็พอจะเข้าใจกันบ้างแล้ว จึงขอพูดถึงเรื่องการราคาการเช่ากันต่อไปเลย ปรกพะงั่ว ตอนออกจากกรุใหม่ ๆ เมื่อ พ.ศ. 2499 ที่เช่ากันปากกรุก็ถึงองค์ละ 100 แล้ว พอออกมานอกกรุก็ 150 บาท ถึงปี พ.ศ. 2500 ปรกพะงั่วได้ขึ้นราคาอีกเป็นองค์ละ 300 บาท และ 400 บาท เรื่อยไปจนถึง พ.ศ. 2511 ราคาเช่าประพะงั่วในระยะนั้นถึงองค์ละ 500-600 บาท จากนั้นเมื่อถึง พ.ศ. 2515 ราคาเช่าพระนาคปรกกรุพระงั่วกลับไม่ขึ้นและไม่มีลง ทั้ง ๆ ที่พระพิมพ์อื่นได้พุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว ทั้งนี้ก็เพราะ ปรกมือผี ได้ออกมาตีตลาดในระยะนั้นอย่างมากมาย จนเป็นที่ขยาดกลัวกันไปทั่ว เมื่อถึง พ.ศ. 2519 ปรกกรุพะงั่วองค์ขนาดงามพอไปได้ ก็มีราคาถึง 1500-2000 บาทขึ้นไปแล้วยิ่งองค์งาม ๆ ที่นักล่าถัวยรางวัลเขาเสาะหาเช่ากัน พระแชมป์อย่างที่ว่านี้มีหวังเช่ากัน 7-8000 บาทขึ้นไปทีเดียว และยิ่งใน พ.ศ. 2524 นี้ด้วยแล้ว ก็พูดได้เลยว่า ถ้ามีเงินไม่ถึง 20000 บาทขึ้นไป ก็เป็นอันหมดหวังที่จะได้ปรกงาม ๆ กรุนี้ไปแน่

ผู้ชายไทยสมัยกรุงศรีอยุธยาท่านเก่งกล้าเหี้ยมหาญมาก บ้างคงกระพันชาตรี มีของดี ห้อยกันให้เกร่อ บ้านเมืองในยามนั้นคุกรุ่นเต็มไปด้วยกลิ่นไอสงคราม พระเครื่องส่วนมากที่กำเนิดขึ้นมาระยะนั้น จึงนิยมใช้เนื้อชินสร้างเพื่อความคงทนเป็นหลักใหญ่ และพุทธคุณก็มักจะมุ่งไปทางคงกระพันมหาอุตม์เป็นส่วนใหญ่อีกด้วย เหตุนี้เอง ปรกพะงั่ว พระประจำวันเสาร์จากกรุเมืองอโยธยา จึงออกจะเฮี้ยนเอาการอยู่ ผลพิสูจน์จากผู้มีประสบการณ์มาแล้ว ต่างก็พูดกันเป็นเสียงเดียวว่า นอกจากจะเป็นสิริมงคลแก่ผู้ที่เกิดวันเสาร์แล้ว ยังเป็นพระคู่ใจที่ให้ความแคล้วคลาดและคงกระพันชาตรีสำหรับนักเผชิญโชค หรือทหาร, ตำรวจอีกทางหนึ่งด้วย

ปรกพะงั่ว พระเครื่องซึ่งเข้าใจกันว่าสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 1 พระมหากษัตริย์แห่งกรุงศรีอยุธยาทรงสร้างไว้ ซึ่งปัจจุบันนี้มีอายุกว่า 600 ปีแล้วนั้นใครได้ไว้ก็นับว่าโชคดีและเป็นสิริมงคลแก่ตัวเองยิ่ง ถ้าพกติดตัวไว้ก็เชื่อได้ว่าท่านจะอยู่ดูโลกนี้ไปอีกนานแสนนานทีเดียว

โดยอาจารย์ ประชุม กาญจนวัฒน์