(คุมสถานการณ์ได้แล้ว) คลั่งกลางกรุง! ลั่นกระสุนกว่า 20 นัด ผู้ก่อเหตุเป็นชายอายุ 44 – ตำรวจนับร้อยปิดล้อม

ข่าวอาชญากรรม ภัยสังคม

ขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้กั้นพื้นที่บริเวณจุฬาซอย 10 และพื้นที่ต่อเนื่องใกล้เคียงซอย 12 ห้ามรถและคนเข้าออกบริเวณดังกล่าว ซึ่งเป็นอาคารพาณิชย์ขายเสื้อผ้ากีฬา อาหาร โดยทราบชื่อผู้ก่อเหตุ คือ นายเอกชัย จารึกศิลป์ อายุ 44 ปี

เหตุเกิดเมื่อวันที่ 14 ก.พ.63 เริ่มจาก 04.00 น. เจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญูรับแจ้งมีเหตุชายคลุ้มคลั่งใช้อาวุธปืนยิงใส่ร้านค้าพื้นที่ โซนขายเสื้อผ้า จุฬาซอย 10 ทางตำรวจระดมกำลังปิดล้อมและกันพื้นที่ไม่ให้ประชาชนเข้าไปในจุดดังกล่าว อย่างไรก็ตามระหว่างปิดล้อมนานกว่า 20 นาที คนร้ายยังไม่ยอมมอบตัว ทั้งยังมีเสียงปืนดังขึ้นอีกกว่า 20 นัด ก่อนจะมีรายงานแจ้งว่า คนร้ายยังมีอาการเครียดและใช้ปืนยิงมั่ว ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบรายละเอียด

จากข้อมูลผู้ใกล้ชิดกับผู้ก่อเหตุแจ้งว่าผู้ก่อเหตุกำลังประสบปัญหาทางครอบครัว เลยเอาปืนมายิงออกนอกบ้านเมื่อประมาณ 04.00 น. วันที่ 14 ก.พ. 2563 และต่อเนื่องมาถึงเช้า โดยขณะนี้ยังไม่ทราบว่ามีผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิตหรือไม่ โดยขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่และญาติกำลังเข้าไปเกลี้ยกล่อม พร้อมให้ผู้ก่อเหตุวางอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุ

นายพงศกร ทองดี อายุ 20 ปี ซึ่งเป็นประชาชนที่อาศัยอยู่ในซอยจุฬา 10 เปิดเผยว่า ตนและกลุ่มเพื่อนนั่งเล่นกันที่ลานจอดรถตามปกติเหมือนกันทุกวัน จากนั้นเวลาประมาณ 04.00 น. ที่ผ่านมา ได้ยินเสียงปืนหลายนัด ไม่รู้ว่ามาจากทิศทางใด แต่มาจากด้านบน พวกตนรีบวิ่งหนีไปหลบซ่อน แต่ผู้ก่อเหตุได้ยิงปืนมาที่เพื่อนของตน โชคดีหลบทัน จากนั้นได้โทรเรียกตำรวจ เมื่อตำรวจมาถึงผู้ก่อเหตุยังยิงใส่ตำรวจด้วย และยิงเป็นระยะมากกว่า 40 นัด

 

พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร. กล่าวว่า พิสูจน์ทราบว่ามีผู้ก่อเหตุอยู่ในบ้านจำนวน 1 ราย ไม่มีผู้ที่ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถควบคุมสถานการณ์ไว้ได้แล้ว ขอเรียนว่าไม่ได้เป็นเหตุกราดยิงตามประเด็นที่เป็นข่าวแต่อย่างใด และขอให้อยู่ห่างจากสถานที่เกิดเหตุ ทั้งนี้ขอให้รับฟังข้อมูลจากทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเท่านั้น

ต่อมาเมื่อเวลา 10.40 น. พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น. เปิดเผยว่า ควบคุมตัวผู้ก่อเหตุไว้แล้ว นำตัวไป สน.ปทุมวัน สาเหตุเป็นเรื่องภายในครอบครัว รายละเอียดอยู่ระหว่างการสอบสวน มีทีมเข้าไปเจรจา สถานการณ์เรียบร้อยแล้วและไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ.