ชูแผนต่างชาติเที่ยวไทย ผ่าน “ไทยแลนด์ ลองสเตย์” เจาะกลุ่มไฮเอนด์-นำร่องภูเก็ต

ข่าวเศรษฐกิจ

(29 สิงหาคม 2563) นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวถึงความคืบหน้าของการเตรียมความพร้อมรับนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าประเทศ ซึ่งจะนำร่องในพื้นที่ภูเก็ตว่า ล่าสุดมี 2 โมเดลด้วยกัน โดยเมื่อวันอังคารที่ 25 ส.ค.ที่ผ่านมา คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้อนุมัติในหลักการให้ “ไทยแลนด์ ลองสเตย์” ซึ่งเป็นบริษัทที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ถือหุ้นอยู่ 30% เป็นตัวแทนดำเนินการเรื่องต่างๆ อาทิ ขอวีซ่า ซื้อประกันให้ซึ่งนักท่องเที่ยวเป็นผู้จ่ายเอง ตรวจหาเชื้อโควิด-19 โดยต้องทำการตรวจตั้งแต่ประเทศต้นทางก่อน 48 ชั่วโมง เมื่อเข้ามาไทยแล้วต้องตรวจซ้ำอีกครั้ง

จากนั้นจะให้นักท่องเที่ยวกักตัวอยู่เฉพาะภายในห้องพัก 14 วันที่โรงแรมสถานที่กักตัวทางเลือก (Alternative State Quarantine: ASQ) เหมือนกับเวลาที่คนไทยเดินทางกลับจากต่างประเทศต้องเข้าพักในโรงแรมกักตัวที่รัฐกำหนด ไม่มีความสุ่มเสี่ยง เมื่อครบกำหนดถึงสามารถเดินทางภายในภูเก็ตได้ แต่ถ้าต้องการเดินทางข้ามจังหวัด ต้องรอครบกำหนด 21 วัน

“ถือเป็นโมเดลทดลองใหม่ของรัฐเพื่อทำให้คนเห็นว่าเราสามารถจัดการเรื่องความเชื่อมั่นได้ ทั้งนักท่องเที่ยวต่างชาติที่จะเดินทางเข้ามาและคนไทยในพื้นที่ เพื่อให้คนไทยเห็นว่านักท่องเที่ยวที่เข้ามานั้นไม่ได้ติดเชื้อ เพราะตอนนี้คนไทยยังกังวลว่านักท่องเที่ยวจะนำเชื้อมาแพร่ภายในประเทศ”

คาดว่าจะเริ่มโมเดลใหม่นี้ได้ราวกลางเดือน ก.ย.นี้ นักท่องเที่ยวต่างชาติส่วนใหญ่ที่สนใจเดินทางเข้าไทยเป็นกลุ่มไฮเอนด์ มีรายได้สูง และต้องเป็นคนจากเมืองที่ปลอดโรคโควิด-19 ไม่ต่ำกว่า 30 วัน นำร่องกลุ่มแรกจำนวนกว่า 200 คน หลักๆ มาจาก 2 ประเทศ คือออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ ซึ่งได้แจ้งความประสงค์เดินทางเข้าประเทศไทยแล้ว

สำหรับการดำเนินงานเบื้องต้น กระทรวงการท่องเที่ยวฯกำลังพิจารณาแนวทางทั้งหมด ทั้งความพร้อมของโรงแรม บุคลากร ประชาชนในพื้นที่ มาตรฐานด้านสาธารณสุข รวมไปถึงแนวทางการดูแลความปลอดภัย และเมื่อได้ข้อสรุปจะเสนอต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี อีกครั้ง

ทั้งนี้โมเดลใหม่ดังกล่าวต่างจาก “ภูเก็ตโมเดล” ที่ผ่านการหารือในที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา2019 (โควิด-19)หรือศบศ.ซึ่งได้เสนอให้มีการนำเข้านักท่องเที่ยวต่างชาติแบบจำกัดพื้นที่(Sealed Area)กักตัวในพื้นที่โรงแรม 14 วัน ซึ่งกระทรวงการท่องเที่ยวฯยังต้องการผลักดันภูเก็ตโมเดลให้เริ่มได้ในวันที่ 1 ต.ค.นี้ ล่าสุดมีโรงแรมในภูเก็ตกว่า 10 แห่ง คิดเป็นห้องพักรวมหลายพันห้องสนใจเข้าร่วมโมเดลนี้ และเข้าใจแนวคิดเป็นอย่างดีว่าต้องซีลแน่น คุมเข้มทั้งพนักงานและนักท่องเที่ยว

“ต้องรอติดตามผลโมเดลใหม่ที่ให้บริษัทไทยแลนด์ลองสเตย์ เป็นตัวแทนจัดการพานักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าพักในโรงแรมASQ ก่อนว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร หากได้ผลดี ค่อยเริ่มดำเนินการภูเก็ตโมเดลแบบSealed Areaต่อ ซึ่งต้องนำเข้าที่ประชุม ศบค.ชุดใหญ่อีกครั้ง ก่อนเสนอต่อที่ประชุม ครม.ต่อไป”

โดยในวันที่ 5-6 ก.ย.นี้ ททท. จะร่วมกับอีก 3 กระทรวงที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ สาธารณสุข มหาดไทย และคมนาคม รวมทั้งคณะกว่า 100 คนลงพื้นที่ จ.ภูเก็ต เพื่อตรวจความพร้อม เก็บข้อมูล ทำความเข้าใจ รับฟังความคิดเห็น และผ่านการทำประชาพิจารณ์จากผู้ประกอบการท่องเที่ยวและคนในพื้นที่ภูเก็ตเกี่ยวกับทั้ง 2 โมเดล ส่วนพื้นที่เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี จะลงพื้นที่เพื่อตรวจความพร้อมของโมเดล “สมุยบับเบิล” ภายในเดือน ก.ย.นี้

“ยืนยันว่าการนำร่องดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทยทั้งหมดต้องทำอย่างระมัดระวัง เน้นเรื่องระบบสาธารณสุขเป็นหลัก ซึ่งปกติแล้วคนกลุ่มนี้จะเดินทางมาอยู่ในไทยเป็นเดือนๆ เพื่อหนีหนาว หากทำได้ตามโมเดลนี้จะช่วยเหลือภาคท่องเที่ยวให้มีรายได้กลับมา”

นายพิพัฒน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า กระทรวงการท่องเที่ยวฯยังคงตั้งเป้าดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทย 2 ล้านคนในช่วง 6 เดือนตั้งเดือน ต.ค.2563 ถึงเดือน มี.ค.2564 มุ่งจับตลาดนักท่องเที่ยวกลุ่มไฮเอนด์ และกลุ่มหนีหนาวซึ่งพำนักในไทยเกิน 1 เดือน ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มเดินทางมาไทยเป็นประจำอยู่แล้ว โดยคาดว่าในปีนี้น่าจะมีดีมานด์เดินทางมากขึ้น เพราะท่องเที่ยวในประเทศไทยแล้วรู้สึกสบายใจกว่า หลังไทยสามารถควบคุมการระบาดของโรคโควิด-19 ได้ดี