“บอส กระทิงแดง” รอด! สตช.แถลงยอมรับเห็นพ้องอัยการสั่งไม่ฟ้อง ขอถอนหมายจับทั้งหมด

ข่าวอาชญากรรม ภัยสังคม

1.เมื่อวันที่ 3 ก.ย. 2555 นายวรยุทธ หรือบอส ซึ่งตอนนั้นอายุ 28 ปี ขับรถหรูชน ด.ต.วิเชียร กลั่นประเสริฐ ผู้บังคับหมู่งานปราบปราม สน.ทองหล่อ เสียชีวิต

2.วันนี้ (24 ก.ค.) เมื่อเวลาประมาณ 10.30 น. พล.ต.อ.ปิยะ อุทาโย โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พร้อมด้วย พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร.แถลงข่าวกรณีสื่อต่างประเทศรายงานว่าอัยการสั่งไม่ฟ้องนายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือบอส ทายาทเจ้าของธุรกิจเครื่องดื่มกระทิงแดง ที่ขับรถเฟอร์รารีชนเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ทองหล่อ เสียชีวิตเมื่อปี 2555

3.พล.ต.อ.ปิยะ ยอมรับว่าเมื่อเดือนมิถุนายนได้รับคำสั่งเด็ดขาดไม่ฟ้องคดี เป็นหนังสือจากอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญากรุงเทพฯ ใต้ 1 ได้มีคำสั่งไม่ฟ้องนายวรยุทธในข้อหาขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย
4.เมื่อตำรวจได้รับคำสั่งแล้วก็มีการพิจารณาในฝ่ายกฎหมายว่าจะมีความเห็นอย่างไร

5.ตำรวจเห็นพ้องตามอัยการ จึงมีคำสั่งไม่ฟ้องคดี

6.เมื่อมีคำสั่งเด็ดขาดไม่ฟ้องก็ต้องดำเนินการตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา คือ ยื่นต่อศาลเพื่อขอเพิกถอนหมายจับ และให้กองการต่างประเทศประสานไปยังตำรวจสากลเพื่อขอเพิกถอนหมายจับของอินเตอร์โพลด้วย

7.พ.ต.อ.กฤษณะกล่าวว่า การเพิกถอนหมายจับเป็นการดำเนินการตามขั้นตอนปกติ

8.ส่วนเรื่องเหตุผลที่อัยการสั่งไม่ฟ้อง ตำรวจคงไม่ไปก้าวล่วงได้ แต่ในเรื่องความเห็นแย้งหรือไม่แย้ง ไม่ใช่เฉพาะคดีนี้คดีเดียว มันเป็นการดำเนินการตามขั้นตอนปกติ หลายคดีตำรวจก็มีความเห็นแย้ง หลายคดีตำรวจก็ยืนตามความเห็นอัยการ ก็คงเป็นการพิจารณาตามพยานหลักฐาน ไม่ใช่เรื่องของสองมาตรฐาน ในเรื่องการดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรมทางอาญา การตรวจสอบถ่วงดุลกันระหว่างตำรวจ อัยการ และศาล มีอยู่แล้ว ขั้นตอนก็คือว่าเมื่อมีการส่งความเห็นไปเพิ่มเติมตามที่พนักงานอัยการได้สั่งการ เราก็ดำเนินการตามนั้น

9.พ.ต.อ.กฤษณะ ยังกล่าวอีกว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ในปี 2555 นั้น บางนายที่มีความบกพร่องในการทำสำนวนก็ถูกดำเนินการทางวินัย บางส่วนเสร็จสิ้นไปแล้วด้วยซ้ำ ในการแจ้งข้อกล่าวหาอาจจะมีพยานหลักฐานบางส่วน แต่ถ้ามีหลักฐานเพิ่มเข้ามาใหม่จะไปตัดสิทธิในการมีความเห็นทางคดีไม่ได้ และมีการกลั่นกรองโดยพนักงานอัยการทุกขั้นทุกตอน ในการสอบสวนใครก็เข้าไปก้าวล่วงไม่ได้ แม้กระทั่ง ผบ.ตร.ก็เข้าไปสั่งคดีไม่ได้ ทุกอย่างเป็นไปตามเนื้อผ้า และไม่ได้ตัดสิทธิผู้เสียหายที่จะไปยื่นฟ้องร้องเองตามกฎหมาย

10.พ.ต.อ.กฤษณะกล่าวอีกว่า เราเสียใจกับการสูญเสียเจ้าหน้าที่ตำรวจ ไม่มีใครอยากเห็นเหตุการณ์แบบนี้ ถ้าย้อนเวลาไปได้ ก็คงมีการจับกุมและฟ้องคดีให้ดีกว่านี้ แต่ในการดำเนินคดีมันเป็นเรื่องของการรวบรวมพยานหลักฐาน แล้วทุกอย่างมันมีขั้นมีตอน มีการตรวจสอบถ่วงดุลจากทุกหน่วยงานอยู่แล้ว และมีการเปิดให้ตรวจสอบมาตลอด ถ้าย้อนไปตั้งแต่ปี 2555 การสั่งฟ้องหรือไม่ฟ้องข้อหาใดมันมีเหตุผล มีพยานหลักฐานสนับสนุน อะไรที่ยังคาใจของสังคมก็มีการตรวจสอบดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องมาโดยตลอดอยู่แล้ว

11.ดาบตำรวจวิเชียร กลั่นประเสริฐ ผู้บังคับหมู่งานจราจร สถานีตำรวจนครบาลทองหล่อ ที่ถูกรถของนายวรยุทธชนเสียชีวิต กลับตกเป็นผู้ต้องหาที่ 2 ในคดีที่อัยการสั่งไม่ฟ้องนั้น พ.ต.อ.กฤษณะไม่สามารถชี้แจงได้ โดยกล่าวว่าขออนุญาตไปตรวจสอบเอกสารก่อน

12.เมื่อวันที่ 25 เม.ย. 2560 พล.ต.ท. ณัฐธร เพราะสุนทร ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง(ผบช.สตม.) ระบุว่า นายวรยุทธได้เดินทางออกจากประเทศ ก่อนหน้าที่ศาลอาญากรุงเทพใต้จะออกหมายจับ โดยเบื้องต้นปลายทางในการเดินทางคือ ประเทศสิงคโปร์ แต่ไม่ทราบแน่ชัดว่าจะเดินทางต่อไปยังประเทศอะไรต่อไปหรือไม่

13.เมื่อวันที่ 2 พ.ค. 2560 สตม. เผยว่าได้บรรจุชื่อของนายวรยุทธอยู่ในบัญชีดำ เพื่อตรวจตามตามจุดผ่านแดนทุกจุดของประเทศ เพื่อที่จะเปิดทางให้ สตม. จับกุมตัวทันที หาพบตัวตามจุดผ่านแดนต่างๆ

14.เมื่อวันที่ 4 พ.ค. 2560 ทางการสิงคโปร์เปิดเผยว่านายวรยุทธ ไม่ได้อยู่ในประเทศ หลังจากตำรวจไทยเปิดเผยว่าเขาเดินทางออกจากกรุงเทพฯ ไปสิงคโปร์เมื่อหนึ่งสัปดาห์ก่อนหน้านี้ โดยมีรายงานว่าเครื่องบินส่วนตัวของนายวรยุทธ ยังจอดอยู่ในสิงคโปร์

15.เมื่อวันที่ 5 พ.ค. 2560 น.ส.บุษฎี สันติพิทักษ์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยว่า กรมการกงสุลได้เพิกถอนหนังสือเดินทางของนายวรยุทธ หลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร้องขอ