ปะ-ฉะ-ดะ! “พระมหาไพรวัลย์” ดีเบต “ศรีสุวรรณ” ปมการแสดงออกทางการเมืองของ “พระสงฆ์”

Exclusive ข่าวด่วนเกาะกระแส

(12 พ.ย.63) ในรายการถามตรงๆ กับจอมขวัญ ได้พูดคุยกับ พระมหาไพรวัลย์ วรวณฺโณ พระวัดสร้อยทอง กับ นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ประเด็นการแสดงออกทางการเมืองของพระสงฆ์ และมติของมหาเถรสมาคม ห้ามพระสงฆ์ และเณร ยุ่งกิจกรรมการเมือง

ศรีสุวรรณ : เก็บรวบรวมข้อมูลมาโดยตลอด แล้วฟังว่าทางมหาเถรสมาคม ทางสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ จะทำอะไรบ้าง แต่ก็เงียบอยู่ จนเห็นว่าพระเริ่มออกมาม็อบกันมากขึ้น ทั้งใช้โทรโข่งเดินปราศรัย แบบนี้คิดว่าไม่เหมาะสม เพราะเรานับถือพระพุทธศาสนาเป็นหลัก พอมาเห็นการกระทำของพระภิกษุ-เณรเหล่านี้ ทำให้ไม่สบายใจ จริงๆ ม็อบเป็นเรื่องปกติ แต่ส่วนตัวไม่อยากให้พระ-เณร เข้ามาร่วมม็อบ จึงใช้วิธีการร้องเรียนให้หน่วยงานที่เขามีหน้าที่โดยตรงมาดำเนินการเอาผิดกับพระที่ออกมา

พระมหาไพรวัลย์ : มองว่าไม่เป็นธรรม สังคมไทยเน้นการใช้อำนาจมากกว่าการใช้ความเป็นธรรม คือพอมีปัญหาก็คิดแต่วิธีการจะใช้อำนาจ ทั้งคำสั่ง กฎ ไปกดทับคนกลุ่มหนึ่งที่พยายามจะออกมาพูดถึงประเด็นที่เป็นปัญหา ทำให้คนที่ออกมาเรียกร้องไม่สามารถจะใช้สิทธิโดยชอบธรรมของตนเองได้ พระราชบัญญัติคณะสงฆ์ ไม่ชอบธรรม ไม่เคยถามความรู้สึกนึกคิดพระที่มีต่อพระราชบัญญัติตัวนี้ ทำให้เห็นกรณีพระโดนจับสึกโดยไม่ได้รับความเป็นธรรม ทำให้เห็นว่ากฎบางข้อมันละเมิดสิทธิของพระ-เณร

ศรีสุวรรณ : สังคมมนุษย์ย่อมมีกฎ ระเบียบ เพื่อให้คนหมู่มากอยู่กันด้วยความสงบ ถ้าไม่มีกฎมีระเบียบ สังคมก็จะวุ่นวายขัดแย้ง คิดว่าพุทธศาสนาก็เป็นหลักการเดียวกัน แน่นอนว่าคณะสงฑ์ก็ต้องมีหลักธรรมวินัย ฉะนั้นฝ่ายการเมืองจึงมีกฎหมายเพื่อให้พระสงฆ์ปกครองดูแลกันเองได้ใช้เป็นเครื่องมือควบคุมดูแล ไม่ให้พระ-เณร ออกมากระทำการที่ผิดเพี้ยนไปจากพระธรรมคำสั่งสอน จึงมีกฎหมาย พ.ร.บ.คณะสงฆ์ปี 2505 ออกมาบังคับใช้ โดยมีการแก้ไขกันมาเป็นลำดับ

พระมหาไพรวัลย์ : นักปรัชญาด้านกฎหมายคนหนึ่งพูดไว้ชัดเจนว่า ความยุติธรรมคือเจตนาภรณ์ของการใช้กฎหมาย แต่ถ้ากฎหมายไม่ยุติธรรม จะเรียกว่ากฎหมายได้อย่างไร โดยการเมืองกับศาสนาไม่มีทางแยกออกจากกันได้ ซึ่งพ.ร.บ.คณะสงฆ์ เกิดจากทางการเมือง สำนักงานพุทธมีที่มาจากการเมือง

ศรีสุวรรณ : ยืนยันว่าอยู่ในสังคมต้องมีระเบียบวินัย ถ้าพระสงฆ์อยากทำอะไรตามใจก็ควรเป็นฆราวาส ไม่ควรเข้ามาอยู่ในแวดวงนี้ ถ้าเห็นว่าไม่ถูกต้อง ก็ใช้ช่องทางที่มีอยู่ดำเนินการไปตามนั้น แต่การที่พระ-เณร ออกมาประท้วงการเมือง รู้อยู่ว่าออกมาเพราะอะไร มันกระทบต่อจิตใจคนทั้งประเทศ การที่พระสงฆ์ออกมาชุมนุมแปลว่าเห็นด้วยกับกลุ่มม็อบ การที่มีพฤติกรรมแบบนี้มันไม่ถูกต้อง การจะขอใช้สิทธิตัวเองนั้นทำได้ แต่ไม่ควรออกมาผสมกับม็อบที่ทำผิดกฎหมายเหล่านี้

พระมหาไพรวัลย์ : การที่พระออกมาพื้นที่ชุมนุม ไม่ได้หมายความว่าจะทำอะไรตามอำเภอใจ ถ้าพระสงฆ์ละเมิดธรรมวินัยข้อไหนก็ดำเนินการไป การที่บอกว่าทำผิดควรต้องบอกให้ชัดว่าทำผิดข้อไหน อย่างไร และอย่าพยายามบอกว่าการออกมาประท้วงเป็นเรื่องสกปรก ไม่อยากให้มองอย่างนั้น

พระมหาไพรวัลย์ : ควรให้พระสงฆ์กลุ่มหนึ่งที่มองเห็นความไม่เป็นธรรมของบ้านเมือง ออกมาพูดบ้าง เพราะสังคมกับการเมืองมันไปด้วยกัน แล้วทำไมพระสงฆ์ถึงออกมามีบทบาทไม่ได้ การออกมาด้วยท่าทีอย่างไรต่างหากที่ต้องดูจุดนี้ และอยากให้ดูเป็นข้อๆ ไป

ศรีสุวรรณ : เราเห็นพระเข้ามายุ่งเกี่ยวกับการเมืองไทยมาโดยตลอด ไม่ใช่เฉพาะแค่ช่วงนี้สมัยนี้ แต่คิดว่าไม่อยากให้ทางพระมายุ่งเกี่ยวกับทางโลก ถ้ามีปัญหาภายในเกี่ยวกับ พ.ร.บ.คณะสงฆ์ ก็ควรที่จะไปพูดคุยกันเพื่อหาข้อยุติ ขออย่ามายุ่งเรื่องทางโลก เพราะจะทำให้คนมองพระ-เณรมัวหมองไปด้วย

พระมหาไพรวัลย์ : เป็นประเด็นที่ควรจะต้องพูด เพราะทุกวันนี้ศาสนาพุทธถูกโจมตีอยู่ตลอด ว่าได้รับสิทธิมากกว่าศาสนาอื่นๆ คณะสงฆ์บางกลุ่มก็ไม่ใช่ว่าจะเห็นด้วยกับโครงสร้างระเบียบที่เป็นอยู่แบบนี้ และอยากให้ทุกอย่างเป็นเรื่องที่เสมอภาคต่อกัน แม้แต่กับคนที่ไม่มีศาสนาก็ตาม

ศรีสุวรรณ : ทุกวันนี้โซเชียลมีเดียเปิดกว้าง สามารถให้ท่านเสนอปัญหาข้อเรียกร้องมากมายในพื้นที่สาธารณะ และถ้ามีพระสงฆ์เห็นด้วยกับข้อเสนอเหล่านี้ ก็มาตกลงหารือกันเพื่อให้คนอื่นมาร่วมมือกัน แต่สำหรับผมคิดว่าข้อเสนอแบบนี้พระองค์อื่นเขาไม่ค่อยเห็นด้วย ฉะนั้นก็ลองทำขึ้นมา.