พกอาวุธเผชิญหน้า!หลังทราบผลลงคะแนน ผู้สนับสนุน “ทรัมป์-ไบเดน” ต่างติดอาวุธรวมตัวชุมนุม

Exclusive

(8 พ.ย.63) ในขณะที่ท้องถนนของหลายเมืองทั่วสหรัฐฯ ดังกึกก้องไปด้วยเสียงเชียร์ในวันเสาร์(7พ.ย.) ท่ามกลางข่าวคราวชัยชนะในศึกเลือกตั้งประธานธิบดี แต่อีกฟากฝั่งหนึ่ง บรรดาผู้สนับสนุนของโดนัลด์ ทรัมป์ ก็ออกมารวมตัวเช่นกัน โดยบางส่วนที่เป็นสายฮาร์ดคอร์พกอาวุธปืนมาด้วย ประกาศไม่ยอมรับผลเลือกตั้ง โดยกล่าวอ้างว่ามีการโกงและสมคบคิด

ตามเมืองต่างๆ ในนั้นรวมถึงฟินิกซ์, ฟิลาเดลเฟียและแอตแลนตา บรรดาผู้ภักดีต่อประธานาธิบดีที่กำลังพ้นเก้าอี้ ออกมารวมตัวกันภายใต้สโลแกน “#StopTheSteal(หยุดขโมยผลเลือกตั้ง)” ตอกย้ำความกล่าวอ้างของทรัมป์ ที่บอกว่าชัยชนะของไบเดนอยู่บนพื้นฐานของการโกง

พวกเขาสวมหมวกทรัมป์สีแดง ชูป้ายข้อความ “Stop The Steal” และโบกธงชาติสรัฐฯหรือไม่ก็ป้ายภาพทรัมป์ พร้อมกับสโลแกน “คงความยิ่งใหญ่ให้อเมริกา(Keep America Great)”

พบเห็นบรรดาผู้สนับสนุนของทรัมป์หลายร้อยคน รวมตัวกันที่บริเวณอาคารรัฐสภาแห่งรัฐแอริโซนา ในเมืองฟินิกซ์ บางคนมาพร้อมกับสุนัขสวมเสื้อยืดทรัมป์ “ฉันคิดว่ามันยังเร็วเกินไป” ดอนนา แม็คคอลลีม สตรีวัยเกษียณอายุ 77 ปีกล่าว “คณะผู้เลือกตั้งจะเป็นคนตัดสิน และยังไม่มีการตัดสินใดๆ ที่นี่มีการโกงมากมาย มันจำเป็นต้องลงคะแนนใหม่หมดหรือนับคะแนนใหม่”

เธอบอกต่อว่า “ดูคนเหล่านี้ที่ออกมารวมตัวกันซิ ไม่มีทางเลยที่ ไบเดน จะชนะในแอริโซนา”

สำนักข่าว 2 แห่ง ฟันธงว่า ทรัมป์ เป็นผู้ชนะในแอริโซนา แต่สื่อมวลชนอื่นๆใช้สุ้มเสียงที่มีความระมัดระวังมากกว่า ด้วยคะแนนของทั้งคู่สูสีกันมากและยังคงอยู่ระหว่างการนับคะแนน

เพนซิลเวเนีย ซึ่งมีคณะผู้เลือกตั้ง 20 คน เป็นรัฐที่ทำให้ ไบเดน รวบรวมคะแนนคณะผูุ้เลือกตั้งได้เกินกว่า 270 คนที่จำเป็นสำหรับการคว้าชัย อย่างไรก็ตามที่รัฐแห่งนี้ พวกผู้สนับสนุนของทรัมป์ก็กล่าวอ้างว่ามีการโกงเช่นกัน

ในฟิลาเดลเฟีย เมืองใหญ่ที่สุดของเพนซิลเวเนีย พวกผู้สนับสนุนของทรัมป์ราว 40 คนรวมตัวอยู่บริเวณด้านนอกของศูนย์ประชุมแห่งหนึ่ง ซึ่งใช้เป็นสถานที่การนับคะแนนและเจ้าหน้าที่ยังอยู่ระหว่างการนับคะแนน ตะโกนโวยวายด้วยอารมณ์ดุเดือด เปิดเพลงที่ทรัมป์ใช้หาเสียงอาทิ YMCA และ God Bless the USA ผิดกับบรรดาผู้สนับสนุนของไบเดน ที่อยู่ใกล้ๆกัน ซึ่งเต้นรำอย่างสนุกสนานประกอบเพลงเดียวกัน

“ที่นี่คือกราวด์ซีโรแห่งการโกงเลือกตั้ง ผมคิดว่ามันสำคัญที่ผมต้องออกมาที่นี่” สตีฟ แแพดเกจจ์ วัย 57 ปีกล่าว ส่วน โวเปีย โรตุนโน พนักงานราชการวัย 52 ปี เสริมว่า “ฉันเชื่อว่าประธานาธิบดีทรัมป์จะชนะหากเป็นการเลือกตั้งที่ยุติธรรม แต่พวกเดโมแครตไม่ยอมให้มีการเลือกตั้งที่ยุติธรรม ดังนั้นฉันรู้สึกว่าเรื่องนี้ต้องไปจบที่ศาล”

ด้วยศึกเลือกตั้งครั้งนี้เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่พบเห็นระลอกคลื่นการประท้วงต่อต้านพฤติกรรมโหดเหี้ยมของตำรวจต่อคนผิวสี และบ่อยครั้งที่ทรัมป์เป็นฝ่ายโหมกระพือสถานการณ์ให้ตึงเครียดมากไปอีก จึงมีความกังวลว่าอาจเกิดความรุนแรงเกี่ยบกับผลเลือกตั้งในบางเมืองของสหรัฐฯ

อย่างไรก็ตามความกังวลเหล่านี้ยังไม่เกิดขึ้นจริง และพวกผู้สนับสนุนจากทั้งสองฝ่ายในวันเสาร์(7พ.ย.) ดูเหมือนมีความตั้งใจใช้แนวทางสันติต่อไป

ในช่วงบ่ายวันเสาร์(7พ.ย.) กลุ่มผู้สนับสนุนของไบเดนในแอตแลนตา พกพาอาวุธ ซึ่งเป็นเรื่องถูกกฎหมายในรัฐจอร์เจีย ยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามกับพวกผู้ประท้วงสนับสนุนทรัมป์ อย่างไรก็ตามไม่เกิดเหตุความรุนแรงใดๆ

ปกติแล้วพวกผู้สนับสนุนของทรัมป์มักพกพาวุธไปร่วมเวทีหาเสียงต่างๆ และคราวนี้ก็พบเห็นอาวุธปืนในฝูงชนผู้สนับสนุนทรัมป์ ระหว่างการชุมนุมอีกจุดเมื่อวันเสาร์(7พ.ย.) ในแอตแลนตา บริเวณสนามกีฬาในร่มอเนกประสงค์ State Farm Arena หลังสื่อมวลชนแถลงว่า ไบเดน เป็นฝ่ายชนะการเลือกตั้ง อย่างไรก็ตามยังไม่มีรายงานเหตุความรุนแรงใดๆเช่นกัน

ที่ฟีนิกซ์ แชนนอน มอร์ริส วัย 51 ปี บอกว่าเธอจะสู้เพื่อทรัมป์ แต่ในแนวทางสันติวิธี “ฉันคิดว่าทรัมป์สู้เพื่อประเทศของเรา และฉันจะสู้เพื่อเขา แต่ไม่ใช่ในแนวทางที่ไม่เหมาะสม ในแนวทางที่สันติ ในแนวทางที่ดี ในแนวทางที่จริงใจ ฉันอยากให้พวกเขาได้ยินเสียงของฉัน มันเป็นสิ่งผิดที่ชนะการเลือกตั้งด้วยการโกง”

เครดิต
เอเอฟพี
https://mgronline.com/around/detail/9630000115437