“พีท คนเลือดบวก” เปิดคอร์สติดเชื้อ HIV xxxสด ปลอดภัยจริงหรือ

คนดังในโซเชียล

ไขคำตอบ ผู้ป่วยติดเชื้อ HIV กินยาต้านไวรัสแล้วมีเพศสัมพันธ์แบบไม่ใส่ถุงยางอนามัย ปลอดภัยจริงไหม หมอแนะต้องรักษาวินัย ไม่เช่นนั้นเสี่ยงติดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์-ดื้อยา

จากประเด็นร้อน “พีท คนเลือดบวก” เปิดคอร์สสอนคนติดเชื้อ HIV มีเพศสัมพันธ์โดยไม่ใส่ถุงยาง ซึ่งต่อมามีการถกเถียงกันอย่างมากว่า ผู้ป่วยติดเชื้อ HIV ที่กินยาต้านไวรัสจนตรวจไวรัสไม่พบแล้ว สามารถมีเพศสัมพันธ์กับผู้ติดเชื้อที่กินยาต้านไวรัสเหมือนกัน รวมทั้งมีเพศสัมพันธ์กับผู้อื่นโดยไม่ต้องใช้ถุงยางอนามัยอย่างปลอดภัยจริงหรือไม่นั้น

ล่าสุด วันที่ 3 ก.พ.63 แฟนเพจ ประชาสัมพันธ์ แพทยสภา ได้นำบทความเรื่อง “คำแนะนำการรักษาด้วยยาต้านไวรัสจนตรวจไวรัสไม่พบ และการใช้แพร็พกับการแพร่กระจายเชื้อเอชไอวี และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์” ของ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ นายแพทย์โอภาส พุทธเจริญ ผู้เชี่ยวชาญ สาขาอนุสาขา อายุรศาสตร์โรคติดเชื้อ ประธานวิชาการสมาคมโรคเอดส์แห่งประเทศไทย

ในตอนหนึ่งระบุไว้ว่า Undetectable = Untransmittable หรือ U=U คือปรากฏการณ์ที่ผู้ที่อยู่ร่วมกับเชื้อ HIV กินยาต้านไวรัสและกินยาต่อเนื่องอย่างสม่ำเสมอและตรงเวลา เพื่อการรักษาจนระดับของไวรัสต่ำกว่าระดับที่ตรวจพบ หรือเรียกว่า Undetectable

ผู้ที่อยู่ในภาวะดังกล่าวจะไม่แพร่กระจายเชื้อ HIV ทางเพศสัมพันธ์หรือ Untransmittable มีข้อมูลจากการศึกษาหลายการศึกษาที่สนับสนุนข้อความดังกล่าว คือโอกาสติด HIV เป็นศูนย์ U=U ทำให้ผู้ที่อยู่ร่วมกับเชื้อ HIV รู้สึกดีขึ้นเพราะไม่แพร่กระจายเชื้อให้คนอื่น ลดการตีตรา ทำให้มีบุตรได้โดยวิธีที่ไม่ยุ่งยากเหมือนอดีต

ดังนั้นการรักษาด้วยยาต้านไวรัส นอกจากทำให้สุขภาพผู้ป่วยดีขึ้นแล้ว ยังทำให้การแพร่กระจายเชื้อลดลงด้วย ส่วนการใช้แพร็พ หรือ Preexposure prophylaxis เป็นการใช้ยาต้านไวรัส 2 ชนิด เพื่อการป้องกันการติดเชื้อ HIV ในผู้ที่มีความเสี่ยง โดยมีประสิทธิภาพในการป้องกันติดเชื้อมากกว่า 90% ถ้าหากกินยาตามคำแนะนำอย่างสม่ำเสมอ แต่การกินไม่ได้ตามคำแนะนำก็มีโอกาสติดเชื้อ HIV การกินแพร็พต้องมีการตรวจเพื่อให้แน่ใจ ว่าไม่มีการติดเชื้อ HIV ก่อน

ถึงแม้ว่า U=U และการใช้แพร็พจะช่วยป้องกันการติดต่อเชื้อ HIV ได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่อย่างไรก็ตามหากมีเพศสัมพันธ์ที่มีความเสี่ยงโดยไม่ป้องกันก็อาจจะทำให้ติดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้และยังมีโอกาสติดเชื้อ HIV ดื้อยาได้

ในการศึกษาและคำแนะนำการใช้แพร็พเองก็ยังแนะนำให้ใช้ถุงยางร่วมกับแพร็พด้วย และในคนที่ใช้แพร็พก็แนะนำให้ตรวจโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อย่างสม่ำเสมอ เช่น การตรวจหาซิฟิลิส หนองในแท้ หนองในเทียม และไวรัสตับอักเสบซี เพราะโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์บางโรคไม่มีอาการ แต่สามารถแพร่กระจายเชื้อไปยังผู้อื่น เนื่องจากปัจจุบันมีการระบาดของโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์สูงขึ้นอย่างมาก และในบางรายมีโอกาสที่จะติดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่ดื้อยาและค่าใช้จ่ายในการรักษาสูง ดังนั้นการใช้ถุงยางอนามัยยังมีความสำคัญควบคู่กับการใช้แพร็พหรือ U=U.