มนุษย์ป้า “กระชากหัว” ซ้อนท้ายวิน จยย. ชิ่งหนีนักข่าว หลังมา สน.พญาไท รับทราบข้อหา

ข่าวด่วนเกาะกระแส

วันนี้ (วันที่ 16 ก.ย.63) เมื่อเวลา 10.30 น. ร.ต.อ.วัลลภ อิสริยสกุลวงศ์ รอง สว.(สอบสวน) สน.พญาไท สอบปากคำ น.ส.ปาริชาติ โพธิ์สานันทา อายุ 50 ปี มีอาชีพเป็นผู้ดูแลผู้สูงอายุ ผู้ต้องหา ภายหลัง น.ส.อัมพิกา หนองอุดม อายุ 30 ปี เจ้าหน้าที่บริการพัฒนาทรัพยากรบุคคล สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ผู้เสียหายมาแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สน.พญาไท ไว้ว่าขณะโดยสารรถตู้จากฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต มาอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ แล้วถูกผู้โดยสารหญิงอีกรายต่อว่าและกระชากผมผู้เสียหายจนเป็นคลิปแชร์กันสนั่นโซเชียล ทั้งนี้ผลการสอบสวนไม่เป็นที่เปิดเผย เบื้องต้นตำรวจแจ้งข้อหา “ทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจ” และ “ดูหมิ่นผู้อื่นซึ่งหน้า” ก่อนนัดวันที่ 6 ต.ค. นี้ไปยื่นฟ้องต่อศาลแขวงดุสิต

ด้าน พ.ต.ท.พนม เชื้อทอง รองผกก.สน.พญาไท เปิดเผยว่า เช้าวันนี้ได้นำตัวผู้ต้องหามาสอบปากคำเพิ่มเติม ในประเด็นที่พนักงานสอบสวนสงสัย ส่วนจะมีการไกล่เกลี่ยกันระหว่างผู้เสียหายกับคู่กรณีหรือไม่นั้น ต้องสอบถามความสมัครใจของทั้งสองฝ่ายก่อน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่ผู้ต้องหาอยู่ระหว่างการรับทราบข้อกล่าวหา ขณะเดียวกันผู้เสียหายเดินทางมาที่ สน.พญาไท เพื่อเข้าให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนเพิ่มเติม รวมทั้งเจรจาไกล่เกลี่ยกับทางผู้ต้องหา โดยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ที่ห้องสอบสวนชั้น 3 ของสถานีตำรวจ ก่อนที่ผู้ต้องหาเป็นหญิงใส่เสื้อสีชมพูจะวิ่งลงมา ทางบันไดด้านข้าง ก่อนออกประตูข้าง สน.ขึ้นรถวินจักรยานยนต์ หนีออกไปทันทีโดยไม่ยอมให้สัมภาษณ์ใดๆ กับสื่อมวลชนที่พยายามวิ่งตามมาสอบถาม

รายงานข่าวแจ้งว่า ชุดสืบสวน สน.พญาไท ได้ตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดในจุดเกิดเหตุและไล่ตามเส้นทางที่ผู้ต้องหาเดินทางจนพบเชิญตัวมาสอบปากคำที่ สน.เมื่อวานนี้ โดยเจ้าตัวให้การรับสารภาพว่าเป็นผู้ก่อเหตุในคลิปจริง โดยสาเหตุที่ทำลงไปเนื่องจากมีอารมณ์โมโห ที่คู่กรณีนั่งขวางที่นั่งที่ควรเป็นสิทธิ์ของเธอ ก่อนจะมีปากเสียงกันและก่อเหตุดังกล่าว จากนั้นจึงให้พนักงานสอบสวนแจ้งข้อกล่าวหาทำร้ายร่างกายผู้อื่น และหมิ่นประมาทซึ่งหน้า ตั้งแต่ช่วงเมื่อคืนที่ผ่านมา

ต่อมา น.ส.อัมพิกา หนองอุดม อายุ 30 ปี ผู้เสียหาย กล่าวว่า ตนไม่ได้คุยกับคนก่อเหตุเลย เขาไม่มองหน้า หรือขอโทษตนกับสิ่งที่ทำไป หรือแม้แต่แสดงความสำนึกผิด ส่วนเรื่องคดีอาญา ยืนยันจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด โดยจะไปตรวจร่างกายที่ รพ.วิชัยยุทธ เพื่อนำใบรับรองแพทย์มาประกอบการแจ้งความอีกครั้ง ทั้งนี้ตนได้เรียกร้องค่าเสียหายเป็นค่ารักษาพยาบาล ค่าเดินทาง ค่าเสียเวลา ค่าทำขวัญไปแล้ว 5 หมื่นบาท แต่คู่กรณีกล่าวหาว่าการแจ้งความของตนนั้นเกินแก่เหตุ ถามว่าสิ่งที่ตนเรียกร้องนั้นเกินไปหรือไม่ เพราะตนก็มีลูกเล็ก หากวันนั้นถูกกระชากตกบันไดเลื่อน เป็นอะไรขึ้นมาจะบาดเจ็บมากกว่านี้หรือไม่ ทั้งนี้ในวันที่ 6 ตุลาคมนี้ ตำรวจจะนัดคู่กรณีส่งฟ้องศาลแขวงดุสิต

น.ส.อัมพิกา กล่าวด้วยว่า ยืนยันว่าขณะเกิดเหตุตนไม่ได้แสดงอาการยั่วยุแต่อย่างใด เพียงแต่ต่อแถวขึ้นรถตามปกติ โดยตนอยู่คิวต้นๆ คู่กรณีอยู่คนสุดท้าย เนื่องจากตนเป็นคนเวียนหัวง่ายจึงเลือกที่นั่งติดประตู แต่คู่กรณีไม่ยอมจะให้เข้าไปนั่งแถวในสุด ซึ่งตลอดเส้นทางที่นั่งรถมาก็ถูกคู่กรณีด่าทอตลอดเวลา แต่ตนก็ไม่ตอบโต้ จนถึงจุดหมายแล้วลงรถ คู่กรณีก็อาศัยจังหวะที่ตนเผลอ กำลังคุยโทรศัพท์ เดินเข้ามากระชากผมอย่างแรง.