(2 ก.ย. 2563) รอยเตอร์ – พวกผู้ประท้วงรวมตัวกันบนท้องถนนในลอสแองเจลิส สหรัฐฯ เมื่อวันอังคาร(1ก.ย.) หลังเจ้าหน้าที่ตำรวจก่อเหตุยิงชายผิวสีเสียชีวิต ระหว่างการเผชิญหน้าด้วยความรุนแรง
ข้อมูลของสำนักงานนายอำเภอระบุว่า ชายวัย 29 ปีนามว่า ดิฌอง คิซซี กำลังปั่นจักรยานอยู่ในย่านแห่งหนึ่งทางใต้ของลอสแองเจลิสเมื่อวันจันทร์(31ส.ค.) ระหว่างนั้นเหล่าเจ้าหน้าที่ตำรวจพยายามเข้าสกัดเขา ฐานทำผิดกฎหมายปั่นจักรยาน
ภาพในวิดีโอพบเห็น คิซซี อุ้มกองผ้าวิ่งหนีและพอเหล่าเจ้าหน้าที่ไล่ตามตะครุบตัวไว้ได้ เขาสาวหมัดต่อยตำรวจนายหนึ่งบริเวณใบหน้า
“เจ้าหน้าที่สังเกตเห็นภายในกองเสื้อผ้าที่เขาทิ้งลงพื้นนั้นมีปืนสั้นอัตโนมัติสีดำ ซึ่งในเวลานั้นเอง เหตุยิงที่เกี่ยวข้องกับเจ้าหน้าที่ก็เกิดขึ้น” ร้อยตำรวจโทษ เบรนดอน ดีน แห่งกรมตำรวจของสำนักงานนายอำเภอแอลเอ เคาน์ตี บอกกับผู้สื่อข่าว
เหตุยิงครั้งนี้เกิดขึ้นในขณะที่การประท้วงต่อต้านพฤติกรรมรุนแรงและเหยียดผิวของตำรวจโหมกระพือขึ้นทั่วสหรัฐฯในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา จากคดีที่จอร์จ ฟลอยด์ ชาวอเมริกันเชื้อสายแอฟริกัน เสียชีวิตด้วยเงื้อมมือของตำรวจในมินนีอาโปลิส
เบน ครัมป์ ทนายความด้านสิทธิพลเรือน ซึ่งเป็นตัวแทนของครอบครัว บอกว่า คิซซี ถูกยิงมากกว่า 20 นัด และเรียกร้องผู้เห็นเหตุการณ์ผ่านทวิตเตอร์ ให้ติดต่อมอบข้อมูลแก่เขา “ตำรวจอ้างว่าเขาวิ่งหนี ทิ้งเสื้อผ้าและปืน” ครัมป์ระบุบนทวิตเตอร์ “เขาไม่ได้หยิบมันขึ้น แต่ตำรวจยิงเขาเข้ากลางหลังมากกว่า 20 นัด แล้วทิ้งเขาไว้อย่างนั้นนานหลายชั่วโมง”
เดจา ผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งเห็นเหตุการณ์ เล่าให้เอเอฟพีฟังว่า เธอตะโกนบอกตำรวจว่า “อย่ายิงเขา อย่ายิงเขา” ตอนที่พวกเจ้าหน้าที่พยายามสกัด คิซซี เหยื่อซึ่งพักอาศัยอยู่ในย่านเดียวกับเธอ “พวกเขาพยายามคว้าและเอาบางอย่างไปจากเขา แต่พอไม่ประสบความสำเร็จ เขาหันหลังกลับเพื่อจะวิ่งหนี พวกเจ้าหน้าที่ใช้ปืนไฟฟ้าช็อตตรงขาด้านหลัง เขาหันหลังกลับ แล้วเจ้าหน้าที่ก็ยิงเขา”
ผู้เห็นเหตุการณ์รายนี้ไม่เห็นว่า คิซซี มีอาวุธปืน พร้อมบอกว่าพวกเจ้าหน้าที่ได้ใส่กุญแจมือเขาทั้งที่เพิ่งสาดกระสุนใส่ ทั้งนี้มีคำยืนยันในเวลาต่อมาว่า คิซซี เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ
เฟลตเชอร์ แฟร์ ป้าของคิซซี บอกกับผู้สื่อข่าว เชื่อว่าผิวสีของหลานชายคือหนึ่งปัจจัยของการถูกยิงในครั้งนี้ “พวกเขา(ตำรวจ) ไม่ฆ่าคนผิวสีอื่น ยกเว้นเรา และนี่มันไม่สมเหตุสมผลเลย” เธอกล่าว “ทำไมต้องเป็นเรา คุณมีทั้งชาวเอเชีย คนเชื้อสายเปน แต่ไม่เคยถูกฆ่ามากเท่ากับพวกเรา มันเกิดขึ้นแค่กับพวกเรา และเราเหนื่อยหน่ายมาก”
หลายชั่วโมงหลังเหตุยิงกัน ประชาชนราว 100 คนออกมารวมตัวกัน ณ จุดเกิดเหตุ หลายคนชูป้ายข้อความว่า “ชีวิคคนดำมีค่า” และตะโกนว่า “ไม่มีความยุติธรรม ไม่มีสันติ”
นอกจากนี้แล้วยังการนัดชุมนุมอีกรอบในช่วงบ่ายวันอังคาร(1ก.ย.) โดยแกนนำขบวนการ “ชีวิตคนดำมีค่า” ระดับท้องถิ่น เขียนบนทวิตเตอร์ “เราต้องการทุกคนร่วมด้วยช่วยกัน”
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ตำรวจในเคโนชา รัฐวิสคอนซิน เพิ่งรัวยิงชายผิวดำ จาค็อบ เบล็ค ต่อหน้าลูกๆ 3 คนและทำให้เขาเป็นอำมพาต ตามหลังเกิดเหตุทะเลาะวิวาท
เหตุรัวยิง เบล็ค กระตุ้นให้เกิดการชุมนุมประท้วงในหลายเมือง และนำไปสู่การปะทะรุนแรงในเมืองเคโนชา ส่งผลให้มีผูุ้เสียชีวิต 2 ราย
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เพิ่งเยือนเมืองแห่งนี้เมื่อวันอังคาร(1ก.ย.) แม้มีคำวิงวอนให้ปลีกตัวออกห่าง และอ้างว่ากลยุทธ์หาเสียงเลือกตั้งของเขานั้นเป็นอันตรายที่อาจหมกระพือความตึงเครียดให้ร้อนระอุมากขึ้นไปอีก
