ลุกเป็นไฟ! เวที “นางสาวสมิหลา” นางงามประท้วงวุ่น กระชากไมค์ถามหาความยุติธรรม

ข่าวบันเทิง

(1 กันยายน 2563) กลายเป็นเรื่องดราม่า ในวงการประกวดนางงาม เมื่อวันที่ 31 ส.ค.ที่ผ่านมา ในการประกวดนางสาวสมิหลา 2020 รอบตัดสิน เวทีสระบัว แหลมสมิหลา ตำบลบ่อยาง อำเภอเมือง จังหวัดสงขลา ได้เกิดเหตุวุ่นวายขึ้นในระหว่างที่มีการประกวดในช่วงตอบคำถามรอบ 5 คนสุดท้าย

โดย น.ส.อรณพรรณ ณ เชียงใหม่ หนึ่งในนางงามที่ตกรอบ ได้ตัดสินใจพาเพื่อนสาวงามทวงถามคำตอบจากคณะกรรมการ พร้อมบุกขึ้นเวทีเรียกร้องความยุติธรรม หลังพบผลคะแนนนำโด่งแต่ตกรอบน่ากังขา ท่ามกลางเสียงกองเชียร์ต่างโห่ร้องถึงความไม่โปร่งใส เป็นที่วิจารณ์ว่าผู้เข้าประกวดที่ตอบคำถามฉะฉานหลายคนตกรอบ ก่อนคณะกรรมการจะประกาศตัดสินว่าปีนี้จะไม่มีใครได้รับตำแหน่งนางสาวสมิหลา 2020

ทางด้านเพจเฟซบุ๊ก ชีวิตติดนางงาม ได้โพสต์ข้อความระบุว่า “ตำนานบทใหม่ เหตุการณ์ความวุ่นวายที่เวทีนางสาวสมิลา หลังคัด 10 คนเหลือ 5 คน นางงามที่เข้ารอบคนที่ 3 กำลังฟังคำถามกรรมการอยู่ ก็เกิดเหตุการณ์นางงามที่ตกรอบทั้ง 5 คนที่เหลือ เดินเข้ามายืนโพสต์เรียงหน้าโต๊ะกรรมการด้านล่างเวที หลังจากนั้นก็มีเสียงกองเชียร์โห่ร้องกัน นางงามทั้ง 5 ยังยืนอยู่ไม่ไปไหน จนบนเวทีไม่สามารถดำเนินรายการต่อไปได้

พิธีกรจึงเชิญกรรมการให้ขึ้นไปอ่านคำถามบนเวที แต่ไวกว่ากรรมการคือนางงามตกรอบคนหนึ่งเดินขึ้นไปบนเวที แล้วหยิบไมค์มาพูดประมาณว่า “หนูผ่านเวทีประกวดมาเยอะ ถ้าจะตกรอบอย่างสมศักดิ์ศรี หนูยอมรับได้ เวทีนี้ไม่ยุติธรรม…” แล้วไมค์ก็โดนตัดไป

ล่าสุดตอนนี้ การประกวดไม่สามารถดำเนินต่อไปได้ นางงามและแฟนนางงามไปรวมกันหลังเวที พร้อมตำรวจหลายนาย Update: สุดท้ายจบลงด้วยดี ไม่มีผู้ชนะในปีนี้ เงินรางวัลหารแบ่งให้นางงามทั้ง 10 คน ”

โดย น.ส.อรณพรรณ ณ เชียงใหม่ ตัวแทนผู้เข้าประกวดที่ไม่ผ่านเข้ารอบ 5 คนสุดท้าย ได้เรียกร้องให้มีการเปิดเผยคะแนนเพื่อความโปร่งใส จากนั้นพี่เลี้ยงนางงามได้เดินไปที่หลังเวทีเพื่อพูดคุยกับฝ่ายกองประกวด ระหว่างนั้นมีการแสดงหลักฐานใบให้คะแนนจากคณะกรรมการ พบว่าผู้เข้าประกวดบางคนได้ 0-3 คะแนนแบบน่ากังขา ส่วน น.ส.อรณพรรณ ได้ 9 คะแนน แต่กลับตกรอบ ซึ่งไม่มีเหตุผลเพียงพอ ภายหลังกองประกวดตัดสินใจนำเงินรางวัลทั้งหมด 300,000 บาท หารผู้เข้าประกวด 10 คนสุดท้าย ทุกคนจะได้รับเงินคนละ 30,000 บาท โดยที่ปีนี้จะไม่มีใครได้รับตำแหน่งนางสาวสมิหลา 2020

หลังเรื่องราวได้ถูกเผยแพร่ ทำให้มีคนเข้ามาแสดงความเห็นมากมาย “ไม่มีการโกง เพราะมีระบบให้คะแนนที่มีมาตราฐานระดับสากล , ได้ 3 คะแนน, ปัด 32 ที่ได้คะแนนจากกรรมการ 9 คนเต็ม ตกรอบแต่ให้เบอร์ 9 กับเบอร์ 26 ที่ได้คะแนนแค่ 4 เข้าแทน,เราคิดว่าที่โหวตคือกรรมการ 9 คน แต่ละคนโหวตได้ 5 ชื่อ 9 คือโหวตให้หมดทั้ง 9 ส่วน 0 คือไม่มีใครโหวตให้มั๊ย ถ้าคะแนน 0 คงเป็นไปไม่ได้, ตลกมาก ปีนี้เป็นเวทีที่ตลกสุด ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้เป็นเวที ที่ศักดิ์สิทธิ์มาก ด้วยความเคารพค่ะ”

ผอ.กองประกวดขอยุติบทบาท ชี้เกณฑ์ตัดสินต้องสวยมีสมอง

ล่าสุดเรื่องนี้ วันที่ 1 ก.ย. นายแพทย์ปวริศ หะยีอามะ ผู้อำนวยการกองประกวดนางสาวสมิหลาปีนี้ เปิดเผยว่า การประกวดนางสาวสมิหลาในปีนี้ และเกณฑ์การตัดสินได้ยกระดับเวทีสู่สากลซึ่งต่างจากทุกปี โดยมีสโลแกนนางสาวสมิหลาต้องสวยพร้อมใช้ มีสมองยุคใหม่ 5 จี เพื่อสู่สากล และต่อยอดได้ ผู้ที่จะครองตำแหน่งนางสาวสมิหลา ประจำปี 2563 จะต้องเป็นผู้หญิงที่สวยมีออร่า และหน้าสดก็ต้องสวยด้วย มีทัศนคดีที่ดี มีสมอง ความสามารถรอบด้าน และต้องมีความเป็นอัตลักษณ์ของสงขลาด้วย

นายแพทย์ปวริศ กล่าวต่อว่า ในส่วนของเกณฑ์การตัดสินก็จะดูตั้งแต่วันแรกที่เข้าประกวดและยืนยันว่า ทั้งตนและกรรมการทุกคนเป็นกลาง ไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียกับผู้เข้าประกวดคนใด กรรมการได้พิจารณาคะแนนดีที่สุดแล้ว ส่วนเรื่องปัญหาคะแนนที่หลุดออกไปที่คนได้คะแนนต่ำได้เข้ารอบ คนได้คะแนนสูงตกรอบนั้น ใบคะแนนนั้นไม่ใช่ใบจริง เป็นเพียงแค่การโหวตของกรรมการทั้ง 9 คน ที่แต่ละคนเลือก 5 คนสุดท้ายมา แต่ใบคะแนนจริงคือ สัดส่วนความสวย 60 เปอร์เซ็นต์ และการตอบคำถามกับทัศนคติอีก 40 เปอร์เซ็นต์ และยังต้องมาประชุมสรุปผลโหวตกันอีกครั้ง

” เหตุการณ์นี้เสียใจมาก และขอถอนตัวจากการเป็นผู้จัดการประกวดนางสาวสมิหลา เพราะก่อนหน้านี้ก็ถูกเชิญให้มาเป็นผู้อำนวยการกองประกวด จากความสำเร็จในการประกวดมิสแกรนด์สงขลา เพื่อที่จะให้เป็นเวทีนางงามที่ก้าวเข้าสู่สากล เหตุการณ์เมื่อคืนนี้เป็นการประกวดรอบ 10 คนสุดท้าย หลังเกิดปัญหามีการชี้แจงทั้ง 2 ฝ่ายเรียบร้อยแล้ว และจบลงด้วยดี ส่วนเรื่องเงินรางวัลลำดับที่ 1-5 ซึ่งมีเงินรางวัล 2 แสนบาท ได้หาร 10 ได้ไปคนละ 2 หมื่นบาท ส่วนผู้ที่ผ่านเข้ารอบ 5 คน สุดท้ายได้เพิ่มให้คนละ 1 หมื่นบาท

ด้านนายมณฑล พี่เลี้ยงนางงาม ระบุว่า การประกวดนางสาวสมิหลา เป็นเวทีใหญ่ของภาคใต้ ซึ่งตนได้ส่งนางงามเข้าประกวดมาไม่ต่ำกว่า 10 ปี เพราะเป็นสัญญาใจแต่ที่เป็นปัญหาคือ เรื่องของคะแนนที่หลุดออกมาเพราะคนที่คะแนนต่ำกลับเข้ารอบ คนที่คะแนนสูงกลับตกรอบ ทีแรกคณะกรรมการจะประกวดใหม่ในอีก 2 วัน แต่ดูแล้วพวกตนคงไม่ชนะ เพราะมีเรื่องขึ้นมาแล้วรวมทั้งต้องเสียค่าใช้จ่ายอื่นๆอีก จึงขอจบด้วยการแบ่งเงินรางวัลเท่าๆกัน เพื่อความยุติธรรม

ด้าน น.ส.อรณพรรณ ณ เชียงใหม่ ผู้ประกวดที่ขึ้นไปถือไมค์พูดกับกรรมการ เปิดเผยว่า จากประสบการณ์ประกวดนางงามรู้แพ้รู้ชนะมาตลอด แต่ครั้งนี้คะแนนสูง และมั่นใจว่า ตอบคำถามดี และเดินดีทุกอย่างกลับตกรอบ จึงคิดว่าเป็นการตัดสินที่ไม่ถูกต้อง ในขณะที่เพื่อนนางงามอีก 2 คนที่อยู่ในทีมเดียวกันก็บอกว่า เสียใจกับการตัดสินในครั้งนี้ แต่เรื่องนี้ได้จบลงแล้ว เนื่องจากทางคณะกรรมการได้แก้ปัญหาให้แบ่งรางวัลเท่าๆกันทั้ง 10 คน และได้รับเงินแล้วซึ่งเป็นธรรมกับผู้เข้าประกวดทุกคน