“สินมั่นคงประกันภัย” ทุ่ม 160 ล้าน สู่ “ดิจิทัลอินชัวรันส์”

ข่าวเศรษฐกิจ

(14 ก.ย.63) นายเรืองเดช ดุษฎีสุรพจน์ ประธานกรรมการบริหาร และ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สินมั่นคงประกันภัย จำกัด (มหาชน) หรือ SMK เปิดเผยว่า ทิศทางการดำเนินธุรกิจในภาวะวิกฤติโควิด-19 ส่งผลกระทบภาพรวมเศรษฐกิจไทยชะลอตัวในปีนี้และปีหน้า ขณะเดียวกันพฤติกรรมการบริโภคเปลี่ยนแปลงไป ระมัดระวังการใช้จ่ายมากขึ้นและกำลังซื้อถดถอย

ในส่วนของบริษัทยังคงนโยบายมุ่งรักษาความสมดุลระหว่างการเติบโตและสร้างผลกำไรเป็นหลัก พร้อมกับการทรานส์ฟอร์เมชั่นธุรกิจไปสู่ “ดิจิทัลอินชัวรันส์” อย่างเต็มรูปแบบ หรือ อินชัวร์เทค ด้วยงบพัฒนาเทคโนโลยีราว 160 ล้านบาท ในช่วงระยะ 3 ปีนี้ (ปี2563-2565) โดยเทคโนโลยีจะมาช่วยเพื่อตอบโจทย์หลังโควิด-19 เร่งให้คนไทยเข้าสู่โลกดิจิทัลเร็วขึ้น และยึดความต้องการลูกค้าเป็นศูนย์กลาง ในภาวะเช่นนี้ลูกค้าต้องการราคาเบี้ยและความคุ้มครองที่เหมาะสม ขณะเดียวกันบริษัทยังสร้างความได้เปรียบสามารถแข่งขันทางธุรกิจและสร้างการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง

อย่างไรก็ตามในปีแรกนี้คาดว่าจะใช้งบลงทุนส่วนนี้ราว 45 ล้านบาท โดยช่วงครึ่งปีแรกได้เริ่มพัฒนาทั้งการพัฒนาระบบงาน เพื่อลดต้นทุนด้านต่างๆ และพัฒนาแฟลตฟอร์มประกันใหม่ๆ ที่ช่วยให้การซื้อประกันเป็นเรื่องง่ายครบจบจากแอพพิเคชั่นเดียวอย่างแอพฯใหม่ “SMK aLL” ที่ศูนย์รวมหลากหลายบริการทั้งเช็ค ซื้อ ชำระเบี้ย ค้นหาอู่ในเครือ และโรงพยาบาลพันธมิตร รวมถึงสะสมคะแนนเพื่อแลกรับสิทธิประโยชน์ต่างๆ

นายเรืองเดช กล่าวต่อว่า ในช่วงที่เหลือของปีนี้จะพัฒนานวัตกรรมประกันภัยใหม่และบริการใหม่ๆ เข้าในแอพฯอย่างต่อเนื่องแล้ว ทางด้านการขยายตลาดประกันภัย บริษัทมุ่งขยายตลาดประกันภัยภัยไม่ใช่รถยนต์ หรือ นอนมอเตอร์ อย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะประกันสุขภาพ ซึ่งเป็นตลาดมีศักยภาพเติบโตสูงถึงสองหลักต่อปีและบริษัทยังเติบโตดีมากในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมานี้ จากประกันโควิด-19 ในช่วง 2 เดือนมียอดเบี้ยถึง 462 ล้านบาท

สำหรับกลยุทธ์ขยายตลาดประกันสุขภาพนอกจากการเทคโนโลยีเข้ามาเสริมแล้ว บริษัทยังพัฒนาแผนความคุ้มครองเฉพาะโรคอื่นๆ ต่อเนื่องจากโควิด-19 เช่น ไข้เลือดออกและมะเร็ง พร้อมกับมองหาพันธมิตรทางธุรกิจเพิ่มเติม เช่น กลุ่มโรงพยาบาลหรือศูนย์ดูแลผู้ป่วยด้วย แม้ตลาดประกันสุขภาพจะการแข่งขันสูงขึ้นแต่ทำให้ผู้บริโภคยิ่งได้ประโยชน์มากขึ้น

นอกจากนี้ หากมาตรการภาครัฐเริ่มเปิดการเดินทางระหว่างประเทศ เปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติแม้จะยังกำจัดเฉพาะกลุ่ม แต่ช่วยสนับสนุนตลาดประกันภัยเดินทางให้กับขยายตัวได้อีกครั้ง จากปัจจุบันเน้นขยายประกันภัยเดินทางในประเทศเป็นหลัก เพื่อสนับสนุนมาตรการภาครัฐ “เที่ยวด้วยกัน”

สำหรับเป้าหมายในปี 2563 บริษัทคาดว่าสามารถสร้างการเติบโตกำไรได้อย่างต่อเนื่อง จากในช่วงครึ่งปีแรก 2563 บริษัทยังมีกำไรสุทธิที่ 409 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 35% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ 303.63 ล้านบาท