หลวงพ่อพระอาจารย์หรุ่น วัดอัมพวัน กรุงเทพฯ

พระเกจิ

ขุนโจรในยุคปัจจุบันที่ว่าดัง ยังเทียบรัศมีกับเสือหรุ่น ใจภารา ขุนโจรชื่อดังแห่งเมืองคนดีศรีอยุธยาไม่ได้ ทั้งปล้น ทั้งฆ่าเจ้าทรัพย์จนนับไม่ถ้วน ไม่มีใครจะสามารถปราบปรามเสือหรุ่นให้เด็ดขาดไปได้ แม้ว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจะล้อมจับจนนับไม่ถ้วน แต่เสือหรุ่นผู้เรืองเวทย์กลับผูกหุ่นลวงตาให้เจ้าหน้าที่ยิง และจับจนนับไม่ถ้วน

ตำรวจสมัยก่อนต่างประจักษ์ในทางอิทธิฤทธิ์ของเสือหรุ่น ใจภารา ว่ายากแก่การที่จับตายให้ได้ จึงปรีกษาหารือกันว่าเสือหรุ่นน่าจะเป็นกำลังแผ่นดินในการปราบปรามพวกโจรด้วยกัน และจะช่วยทำให้บ้านเมืองสงบสุขได้

แต่นายอำเภอเจ้าของท้องที่ไม่ยอมประกาศแข็งกร้าวว่าจะต้องจับเสือหรุ่นให้ได้ และวางแผนนัดหมายพวกชาวบ้านให้เตรียมล้อมจับตายเสือหรุ่น

จากนั้นนายอำเภอผู้แข็งแกร่งประกาศขอพบเป็นการส่วนตัว และจะไม่เอาโทษในพฤติการณ์ที่เกิดขึ้น เสือหรุ่นเชี่อจึงมาที่นัดหมาย นายอำเภอประกาศทันใดว่า ขอให้เสือหรุ่นมอบตัวแต่โดยดีพอได้ยินเช่นนั้น เสือหรุ่นรู้ว่าถูกลวงแน่จึงทำสมาธิจิต ภาวนสคาถาที่ได้ร่ำเรียนมาผูกหุ่นลวงตาหนีไปได้ เหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้สถานการณ์เลวลง มีผู้ถูกปล้น ฆ่า มากขึ้นเป็นลำดับ เจ้าเมืองได้พิจารณาแล้ว ให้ออกประกาศไม่เอาโทษเสือหรุ่น ใจภารา แต่มีข้อแม้ว่าจะต้องมาพบเจ้าเมืองด้วยตนเอง เสือหรุ่นลังเลใจในเหตุการณ์ว่าจะจริงหรือเท็จกันแน่ เจ้าเมืองจึงประกาศย้ำและได้นัดหมายสถานที่พบโดยให้คำมั่นว่า จะไม่มีเหตุการณ์ร้ายเกิดขึ้นแน่

จากนั้นเสือหรุ่นจึงได้เลิกประพฤติชั่ว ได้รับสมณศักดิ์เป็นถึง ขุนกาวิจล ใจภารา ผู้มีความดีในการปราบปรามโจรเสือ และนักเลง ขุนกาวิจลได้มีภรรยาถึง ๔ คน ต่อมาปลงตกว่าตัวเองทำกรรมไว้มากในปัจจุบัน แต่ในอดีตอาจถูกกระทำก่อนก็ได้จึงออกบวชในบวรพระพุทธศาสนาและหมั่นบำเพ็ญบารมีด้วยดีตลอดมา กระทั่งมรณภาพในปี พ.ศ. ๒๔๗๑ ณ วัดอัมพวัน

สำหรับวัตถุมงคลเหรียญของท่านมีรุ่นเดียวด้านหลังมี ๒ พิมพ์ ในปัจจุบันเป็นเหรียญเก่ามีที่หายากเหรียญหนึ่ง

(บทความนี้ได้คัดลอกมาจากหนังสือของ คุณ สามารถ คงสัตย์ จึงขอขอบคุณมา ณ ที่นี้)