“อธิบดีกรมการค้าฯ” แจ้งจับ “โฆษกฯศุลกากร” ปมหน้าอนามัย 330 ตัน

ข่าวด่วนเกาะกระแส

วันนี้ (พฤหัสบดีที่ 12 มีนาคม 2563 ) ที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) นายวิชัย โภชนกิจ อธิบดีกรมการค้าภายใน (คน.) พร้อมฝ่ายกฎหมาย เข้าพบกับ พ.ต.ท.วิพัฒน์ รัชอินทร์ สว.(สอบสวน) กก.3 บก.ปอท.เพื่อให้ดำเนินคดีต่อ นายชัยยุทธ คำคุณ โฆษกกรมศุลกากรในข้อหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา กรณีแถลงข่าวว่ามีการส่งออกหน้ากากอนามัย 330 ตันในช่วงระหว่างเดือนมกราคมถึงกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ซึ่งสร้างความเสียหายต่อกรมการค้าภายใน

นายวิชัย กล่าวว่า การส่งออกหน้ากากอนามัย 330 ตัน เป็นไปตามที่กรมศุลกากร แจ้งในแถลงการณ์ว่าตัวเลขดังกล่าวเป็นพิกัดจากศุลกากรซึ่งรวมสินค้าอื่นนอกจากหน้ากากอนามัย ทั้งผ้าหุ้มเบาะ ผ้าคลุมเป็นต้น และเป็นการส่งออกก่อนมีประกาศควบคุมการส่งออกหน้ากากอนามัยที่มีผลวันที่ 5 ก.พ. ที่ผ่านมาอีกทั้งการส่งออกโดยปกติใช้มาตรวัดกันเป็นชิ้น ไม่ได้นับเป็นตัน เป็นการนำข้อมูลที่ไม่เป็นความจริงมาเปิดเผยออกสื่อ ไม่ทราบว่านายชัยยุทธไปนำข้อมูลนี้มาจากไหน ซึ่งกรมการค้าภายใน ห้ามไม่ให้ส่งออกหน้ากากอนามัยสำหรับการแพทย์เด็ดขาด โดยตอนนี้มีโรงงานที่มีกำลังผลิตได้ 1.2 ล้านชิ้นต่อวัน

นายวิชัย กล่าวต่อมา ทั้งนี้ตั้งแต่มีคำสั่งควบคุมการส่งออกหน้ากากอนามัย มีผู้ขออนุญาตส่งออกจำนวน53 ล้านชิ้น ได้สั่งห้ามส่งออก 41 ล้านชิ้น เซ็นอนุญาตให้ส่งออกได้ 3 ครั้ง รวมจำนวน 12 ล้านชิ้น ซึ่งหน้ากากอนามัยที่อนุญาตไปนั้น เป็นหน้ากากที่ไม่สามารถใช้ในประเทศไทยได้ หรือเป็นสินค้ามีลิขสิทธิ์เฉพาะประเทศเจ้าของแบรนด์ เพราะไทยเป็นผู้รับจ้างผลิตหากเอามาใช้ โรงงานจะโดนฟ้อง และหน้ากากที่สั่งทำโดยเฉพาะ ทั้งนี้ยืนยันว่าทุกขั้นตอนโปร่งใสและเป็นรูปแบบกรรมการตรวจพิจารณา

นายวิชัย กล่าวยืนยันว่า ภายในสัปดาห์นี้จะมีข่าวดีเรื่องหน้ากากอนามัย เพราะโรงงานเริ่มปรับไลน์การผลิตให้มีกำลังเพิ่มสูงขึ้นจากเดิม 1.2 ล้านชิ้นเป็น 1.3-1.4 ล้านชิ้น ซึ่งจะเพียงพอสำหรับบุคคลที่จำเป็นต้องใช้จริงๆ เหตุผลที่ตนมาแจ้งความที่ บก.ปอท.เพราะเป็นหน่วยที่ครอบคลุมเรื่องสื่อคอมพิวเตอร์ทั้งหมด โดยวันนี้ตนมาแจ้งความนายชัยยุทธ ในนามของกรมการค้าภายใน เพื่อเรียกคืนศักดิ์ศรีให้องค์กร โดยยืนยันว่ากรมการค้าภายในไม่ได้มีการส่งออกหน้ากากอนามัยจำนวนมาก ตามที่โฆษกกรมศุลกากรออกมาให้ข่าวกับสื่อมวลชน และเหตุนี้ก็มองว่าเป็นเรื่องส่วนตัวของโฆษกกับกรมฯ ไม่ใช่ความขัดแย้งระหว่างองค์กรกันเอง

เบื้องต้นพนักงานสอบสวนสอบปากคำผู้ร้องทุกข์ก่อนพิจารณาประกอบพยานหลักฐานแล้วรายงานส่งผู้บังคับบัญชาเพื่อสั่งการต่อไป