1.วันที่ 7 ก.ค.2563 นายลวรณ แสงสนิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า สศค.กำลังเตรียมมาตรการกระตุ้นท่องเที่ยวเพิ่มเติมตามนโยบายที่นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีต้องการให้ต่อยอดมาตรการกระตุ้นท่องเที่ยวของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)
2.โดยมีแนวคิดที่จะหามาตรการมาสนับสนุนการท่องเที่ยวในช่วงวันธรรมดาให้มากขึ้น ซึ่งทาง สศค.กำลังอยู่ระหว่างการระดมความคิดว่าจะเชิญชวนให้พี่น้องประชาชนมาท่องเที่ยวต่อเนื่องในวันธรรมดาได้อย่างไร ส่วนการหาแนวทางดังกล่าวต้องขอสรุปและเสนอในระดับนโยบายก่อน
3.ส่วนการช่วยให้ผู้ประกอบการท่องเที่ยวที่ยังเข้าไม่ถึงโครงการกระตุ้นการท่องเที่ยวและยังไม่ได้ขึ้นทะเบียนเป็นผู้ประกอบการท่องเที่ยวนั้น ทางกระทรวงการคลัง กระทรวงการท่องเที่ยวและการกีฬากำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาให้เข้าถึงมาตรการดังกล่าวได้มากขึ้น
4.โดยคาดว่าจะเปิดกว้างให้กลุ่มผู้ประกอบการเหล่านี้เข้าร่วมได้
-กลุ่มที่อยู่ระหว่างการยื่นขอจดทะเบียน
-กลุ่มที่ใบอนุญาตหมดอายุไม่เกิน 1 ปี
-กลุ่มที่ยังไม่มีใบอนุญาต เช่น กลุ่มบูทีคโฮเทล แต่ยังไม่ได้ใบอนุญาตประกอบธุรกิจโรงแรมเพราะยังไม่ได้เกณฑ์มาตรฐาน เป็นต้น
5.โดยรัฐบาลกำลังประเมินว่ามาตรการกระตุ้นท่องเที่ยวดังกล่าวเสียงตอบรับจากประชาชนไปในทิศทางที่ดีหรือไม่ หากมีความสนใจมากก็อาจจะพิจารณาขยายระยะเวลาของมาตรการเพิ่มเติม
6.เชื่อว่าวงเงินที่กำหนดไว้เป็นค่าใช้จ่ายสำหรับห้องพัก จำนวน 5 ล้านห้อง ห้องละ 3 พันบาท จำนวน 15,000 ล้านบาท จะใช้ไม่เต็มวงเงิน เนื่องจากหากจะใช้เต็มวงเงิน ผู้เข้าร่วมมาตรการจะต้องเข้าพักในราคาค่าที่พักคืนละ 7,500 บาท
7.ถ้าจะใช้เต็มวงเงิน 15,000 ล้านบาท ผู้เข้าร่วมมาตรการจะต้องเข้าพัก 5 ล้านห้องในราคา 7,500 บาทต่อคืน ซึ่งได้ประเมินกันว่า มีแค่บางส่วนที่ใช้ห้องพักราคาต่ำกว่านี้ ซึ่งเงินที่เราจะชดเชยให้ก็จะยังมีเหลือพอที่จะพิจารณาต่อระยะเวลามาตรการดังกล่าวออกไป
8.สศค.ประเมินว่ามาตรการกระตุ้นท่องเที่ยวครั้งนี้ จะช่วยกระตุ้นจีดีพีประมาณ 0.2-0.3% สำหรับเรื่องของจีดีพีที่เพิ่มขึ้นนั้นยังไม่สำคัญไปกว่าการที่เราต้องการกระตุ้นการใช้จ่ายไม่ให้กระจุกตัว ณ ที่ใดที่หนึ่งอยากให้การกระตุ้นการท่องเที่ยวครั้งนี้มีการใช้จ่ายออกไปทั่วประเทศมากกว่า
9.ส่วนนโยบายของนายสมคิดที่ต้องการให้กระตุ้นการใช้จ่ายกลุ่มคนมีเงินนั้น ทาง สคค.ต้องดูเรื่องจังหวะเวลา มาตรการคลายล็อกของภาครัฐรวมทั้งภาพรวมเศรษฐกิจก่อนว่าจะไปในทิศทางใด เพราะช่วงนี้เศรษฐกิจเพิ่มเริ่มกลับสู่สภาวะปกติแต่คาดว่าการใช้จ่ายรวมถึงการบริโภคภายในประเทศน่าจะมีแนวโน้มที่ดีขึ้น
