วันนี้ (พฤหัสบดีที่ 5 มีนาคม 2563) ที่กระทรวงมหาดไทย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย นัดประชุมด่วนผู้ว่าราชการจังหวัด ผ่านระบบวีดิโอคอนเฟอเรนซ์ โดยมี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข เป็นประธาน ร่วมประชุมชี้แจงในประเด็นการดำเนินการเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดต่อไวรัส โควิด-19 และ นโยบายรับมือการเดินทางกลับของแรงงานไทยที่เข้าเมืองผิดกฎหมายในเกาหลีใต้
ทั้งนี่้นายอนุทิน กล่าวในที่ประชุมว่า สถานการณ์โควิด -19 ในประเทศไทยยังอยู่ระดับ 2 การแพร่เชื้อในวงแคบ ยังไม่เข้าใกล้ ระดับ 3 แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นในขณะนี้ เพราะมีแรงงานไทยผิดกฎหมาย หรือ ผีน้อย ที่อยู่ในเกาหลีใต้ 120,000 คน และส่วนหนึ่ง ประสงค์จะเดินกลับประเทศไทย อีกทั้ง เกาหลีใต้ได้ออกกฎหมาย นิรโทษกรรม ให้สามารถเดินกลับไทย และกลับเข้าเกาหลีใต้ได้ โดยต้องเดินทางออกก่อน เดือน มิ.ย.จึงเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้กลุ่มผีน้อย ต้องลงทะเบียน ก่อนเดินทางกลับประเทศไทย ซึ่งถือเป็นการคัดกรองโรคในระยะแรก จากประเทศต้นทาง โดยใช้เวลาประมาณ 6-7 วัน
เบื้องต้นจึงได้ขอให้กระทรวงการต่างประเทศ ประสานไปยังเกาหลีใต้ ให้ขยายระยะเวลา คัดกรอง ออกไปเป็น 14 วัน พร้อมย้ำว่า ไม่ว่าจะเดินทางกลับจากประเทศใด ก่อนขึ้นเครื่องจะต้องมีใบรับรองการตรวจวัดไข้ เพื่อยืนยัน จึงจะสามารถเดินกลับได้
นายอนุทิน กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุข จึงร่วมมือกับกระทรวงมหาดไทย ในการกักตัวกลุ่มผีน้อย ให้อยู่ในพื้นที่ควบคุมของรัฐบาล และผ่านกลไกของคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด ที่มีผู้ว่าราชการจังหวัด เป็นประธาน ซึ่งนอกจากควบคุมในพื้นที่ ผู้ว่าราชการจังหวัด ยังสามารถประกาศให้ยุติการรวมกลุ่มของประชาชนจำนวนมาก หากเห็นว่าจะเกิดความเสี่ยง และสามารถสั่งให้บุคคลที่มีความเสี่ยง ไปตรวจรักษาได้ ในฐานะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ พร้อมยืนยัน จะไม่มีกรณีการเช่าเหมาลำเครื่องบิน เพื่อนำกลุ่มผีน้อยเดินทางกลับประเทศไทย
ส่วนปัญหาหน้ากากอนามัยที่ขาดแคลน อยากให้ผู้ว่าราชการจังหวัดไปทำความเข้าใจ และรณรงค์การใช้หน้ากากอนามัยแบบผ้า ที่มีข้อดี ทั้งการประหยัด ปลอดภัย ที่สำคัญ สามารถผลิตใช้งานเองได้ อีกทั้ง จะเป็นการแก้ไขปัญหา เรื่องการกักตุน และฉวยโอกาส ขึ้นราคา ทำลายวงจรอุบาทที่เอาเปรียบประชาชนในช่วงวิกฤต อีกทั้ง หน้ากากอนามัยแบบใช้แล้วทิ้ง มีส่วนประกอบของสารสังเคราะห์ และมียางยืดพลาสติก ที่ไม่สามารถย่อยสลายเองได้ หากระบบจัดการทำลายไม่ถูกวิธี จะส่งผลกระทบ ให้เกิดตกค้างได้
ด้านพล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ขอเน้นย้ำผู้ว่าราชการจังหวัด ในฐานะเป็นประธานคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด ต้องตรวจคัดกรองบุคคลที่เดินทางเข้าออกประเทศไทยทุกช่องทาง หากใครอยู่ในข่ายเฝ้าระวัง ต้องแยกออกไป ส่วนคนที่มาจากเกาหลีใต้ โดยเฉพาะจากเมืองแทกู และคยองซัง จะต้องเข้าพื้นที่ควบคุมของรัฐบาล ส่วนบุคคลที่กลับมาจากประเทศอื่น หากผ่านการคัดกรองแล้ว จะต้องกักตัวเองที่บ้าน 14 วัน
พร้อมกันนี้ กระทรวงมหาดไทย ร่วมกับหน่วยทหาร ในการจัดหาพื้นที่ กักกันตัวกลุ่มผีน้อย ส่วนจังหวัดใดที่มีกลุ่มผีน้อยกระจายตัวไปตามอำเภอต่างๆ ให้นายอำเภอ เป็นผู้พิจารณาหาพื้นที่ควบคุม โดยเฉพาะ พื้นที่ที่อยู่ในเขตพื้นที่กองทัพภาคที่ 2 และ 3 คือ จังหวัดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคเหนือ ที่มีจำนวนแรงงานผิดกฎหมาย เดินทางกลับจากเกาหลีใต้ จำนวนมาก ให้พิจารณาคุมเข้มเป็นพิเศษ
พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวต่อว่า ขณะนี้ ความต้องการหน้ากากอนามัยของประชาชนเป็นจำนวนมาก ซึ่งกำลัง ผลิตปัจจุบันอยู่ที่ 30,000,000 ชิ้น จำนวนหนึ่งบุคลากรทางการแพทย์ใช้ไป 10,000,000 ชิ้น เหลือ 20,000,000 ชิ้นต่อเดือน จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะเพียงพอกับประชาชน จึงอยากให้ประชาชนพิจารณาการใช้อย่างจำเป็น พร้อมเสนอหน้ากากทางเลือก ตามมาตรฐานของกระทรวงสาธารณสุข ที่สามารถป้องกันการแพร่ระบาดของคนที่ป่วย ไม่ให้มีการแพร่เชื้อได้
ขณะที่นายนิพนธ์ บุญญามณี รมช.มหาดไทย กล่าวถึงการจำหน่ายหน้ากากอนามัย ราคาแพง ว่า ได้ ร่วมกับพาณิชย์จังหวัด ตำรวจ และฝ่ายปกครอง ออกไปตรวจตรา ป้องกัน เรื่องการกักตุนและการจำหน่ายเกินราคา เนื่องจากขณะนี้หน้ากากอนามัยเป็นสินค้าควบคุม ตามประกาศของกระทรวงพาณิชย์ ทั้งการส่งออกและการกักตุน ต้องมีการแจ้งต่อพาณิชย์จังหวัด หากพบใครขายเกินราคาจะมีความผิดทางกฎหมาย พร้อมกันนี้ จะมีการจัดรถโมบาย ออกไปจำหน่ายหน้ากากอนามัยให้กับประชาชน ตามชุมชนต่างๆ
นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน (พช.) กล่าวว่า กองทุนพัฒนาบทบาทสตรี และกลุ่มโอทอปที่รวมตัวในการผลิตหน้ากากแบบผ้า มีกำลังการผลิตต่อสัปดาห์จำนวน 279,609 ชิ้น ถือว่าเป็นการช่วยแก้ปัญหาหน้ากากอนามัยขาดแคลน แต่อย่างไรก็ตาม ได้เกิดปัญหาราคาผ้า ที่ปรับตัวสูงขึ้น เพราะมีความต้องการมากขึ้น
