“SASE” ระบบรักษาความปลอดภัยไซเบอร์รูปแบบใหม่ ในยุคโควิด-19

ข่าวเทคโนโลยี

(25 ม.ค.64) “SASE” แนวคิดการรักษาความปลอดภัยไซเบอร์รูปแบบใหม่ ที่ถูกนำมาใช้ในช่วงโลกไซเบอร์ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 โดยนำเอาเครื่องมือที่ปกติอยู่ในเซิร์ฟเวอร์ขององค์กรย้ายขึ้นไปอยู่บนคลาวด์ เพื่อรักษาความปลอดภัยที่มากขึ้น

โควิด-19 ทำให้วิถีชีวิตเราเปลี่ยนไปอย่างมากทีเดียวครับ แม้การเปลี่ยนแปลงจะเกิดขึ้นในชีวิตจริง แต่ก็ส่งผลกระทบไปถึงโลกไซเบอร์อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะวิถีการทำงานเปลี่ยนไปทำภายนอกองค์กรมากขึ้น ทำให้ความเสี่ยงที่จะถูกโจมตีเพิ่มขึ้นในทันที

นั่นทำให้ผู้คนเริ่มมองหาเทคโนโลยีใหม่ๆ แนวคิดการวางระบบใหม่ๆ ที่จะเข้ามาช่วยรักษาความปลอดภัยไซเบอร์ให้กับระบบขององค์กร โดยที่ยังสามารถให้พนักงานทำงานภายนอกองค์กรไปด้วยได้

จึงเป็นที่มาของ “Secure Access Service Edge” หรือ “SASE” แนวคิดการรักษาความปลอดภัยไซเบอร์รูปแบบใหม่ที่นำเอาเครื่องมือที่ปกติแล้วจะอยู่ในเซิร์ฟเวอร์ขององค์กรย้ายขึ้นไปอยู่บนคลาวด์ เพื่อให้ข้อมูลและระบบขององค์กรได้รับการรักษาความปลอดภัย ไม่ว่าจะมีการเข้าถึงข้อมูลหรือระบบจากภายในหรือภายนอกองค์กร

จากข้อมูลพบว่า กลุ่มผลิตภัณฑ์ที่อยู่ในแนวคิด SASE จะเป็นกลุ่มที่มีการรวมความสามารถของ Wide Area Network (WAN) หรือการเชื่อมต่อเครือข่ายระยะไกล เช่น สำนักงานใหญ่ กับสาขาต่างๆ โดยนำมาประกอบกับการรักษาความปลอดภัยบนเครือข่าย (Network Security)

SASE จะเข้ามาตอบโจทย์องค์กรที่ต้องการเป็น Digital Enterprise เพราะเป็นการรวมโซลูชั่นในการทำงานและการรักษาความปลอดภัยไซเบอร์ให้มาทำงานร่วมกันบนคลาวด์เดียว ซึ่งจะเป็นประโยชน์กับองค์กรอย่างมาก

ยิ่งในกรณีที่มีหลายสาขา เช่น ห้างสรรพสินค้า ธนาคาร โรงแรม หากแต่ละสาขามีการติดตั้งระบบที่มาจากคนละผู้พัฒนา เมื่อต้องการเชื่อมต่อข้อมูลหรือทำงานผ่านสาขาต่างๆ หรือแม้กระทั่งเชื่อมต่อกับสำนักงานใหญ่ การเข้ารหัสข้อมูลก็จะซับซ้อนและเชื่อมต่อถึงกันยาก แต่หากทุกอย่างอยู่บนคลาวด์เดียวกันก็สามารถทำงานได้อย่างราบรื่น เพราะมีจุดศูนย์กลางที่ต้องรักษาความปลอดภัย นำเข้านำออกข้อมูลเพียงหนึ่งเดียว

นอกจากนี้ ยังเป็นการลดค่าใช้จ่ายอีกด้วย เพราะเมื่อข้อมูลไปอยู่บนคลาวด์แล้วก็ไม่จำเป็นต้องมีเซิร์ฟเวอร์หรือฮาร์ดแวร์ ในแต่ละสาขา ลดค่าอุปกรณ์ ค่าซ่อมบำรุง ค่าไฟ ฯลฯ ถือเป็นการลดต้นทุนบริษัทลง

ข้อดีที่ได้กลับมาอีกอย่างก็คือการทำงานจะเชื่อมต่อถึงกันได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพกว่าเดิม เพราะเมื่อต้องการเข้าถึงข้อมูลที่มีในบริษัทก็สามารถเชื่อมต่อระบบขึ้นไปบนคลาวด์ได้ โดยไม่ต้องให้คำสั่งวิ่งกลับเข้าไปที่เซิร์ฟเวอร์ของสำนักงานใหญ่ก่อนแล้วจึงวิ่งกลับออกมายังสาขาย่อย

ดังนั้นไม่ว่าพนักงานจะทำงานจากที่ไหนก็สามารถเข้าถึงระบบขององค์กรที่อยู่บนคลาวด์ได้ทั่วถึงทุกคน ยิ่งในอนาคตจะมีการพัฒนาอุปกรณ์ไอโอทีมากขึ้น การนำแนวคิด SASE มาใช้ถือว่าเป็นการเตรียมการรองรับอนาคตไปในตัว

ในเรื่องความปลอดภัยการเลือกให้ระบบขององค์กรไปอยู่บนคลาวด์จะทำให้สามารถรักษาความปลอดภัยของระบบได้อย่างทั่วถึง เนื่องจากมีจุดเดียวให้ดูแลไม่ต้องเข้าไปดูแลที่แต่ละสาขา จึงลดโอกาสเสี่ยงที่เกิดจากการวางระบบไว้หลายจุดหลายสถานที่ลงได้

หวังว่าแนวคิด SASE ที่ผมเล่าให้ฟังนี้จะน่าสนใจสำหรับการนำมาปรับใช้ในองค์กรของท่านไม่มากก็น้อยนะครับ

แหล่งข่าว https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/918969