การบินไทยยืนยันแผนซื้อเครื่องบินใหม่ 80 ลำ ปฏิเสธเกี่ยวข้องภาษีสหรัฐหรือแรงกดดันการเมือง เตรียมรับมอบโบอิ้งต้นปี 2571

Exclusive ข่าวเศรษฐกิจ

ผู้บริหารการบินไทยออกมายืนยันความมั่นคงของแผนการจัดหาเครื่องบินใหม่ 80 ลำ โดยเน้นย้ำว่าการตัดสินใจดังกล่าวเป็นไปตามแผนธุรกิจและแผนฟื้นฟูบริษัทที่วางไว้ล่วงหน้า ไม่เกี่ยวข้องกับประเด็นภาษีนำเข้าของสหรัฐอเมริกา หรือการแทรกแซงทางการเมืองแต่อย่างใด

แผนจัดหาเครื่องบิน 80 ลำ เป็นไปตามกลยุทธ์ฟื้นฟู

นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานกรรมการบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ได้ให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 2568 เวลา 12:56 น. โดยชี้แจงรายละเอียดแผนการจัดหาเครื่องบินของสายการบินแห่งชาติ ว่าไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆ กับภาษีนำเข้าของสหรัฐอเมริกา เนื่องจากการตกลงราคาซื้อขายได้ดำเนินการเรียบร้อยแล้วตั้งแต่ก่อนหน้านี้

ตามแผนการจัดหา การบินไทยจะได้รับเครื่องบินโบอิ้งจำนวน 45 ลำ ในเฟสแรก โดยในระยะถัดไปจะมีการจัดหาเครื่องบินเพิ่มเติมอีก 35 ลำ ซึ่งคาดว่าจะเป็นเครื่องบินรุ่นโบอิ้งเช่นกัน อย่างไรก็ตาม การรับมอบเครื่องบินในปี 2568 นี้จะไม่สามารถเกิดขึ้นได้ เนื่องจากข้อจำกัดด้านกำลังการผลิตของผู้ผลิต

“คาดว่าการรับมอบเครื่องบินจะเริ่มขึ้นในช่วงต้นปี 2571 จากเดิมที่คาดการณ์ไว้ว่าจะเป็นช่วงกลางปี 2570” นายลวรณกล่าว

ปฏิเสธความเกี่ยวข้องกับการเจรจาภาษีสหรัฐ

ประเด็นที่ได้รับความสนใจอย่างมากคือความสัมพันธ์ระหว่างแผนซื้อเครื่องบินของการบินไทยกับเงื่อนไขการเจรจาภาษีระหว่างไทย-สหรัฐอเมริกา โดยทีมไทยแลนด์ได้ให้รายละเอียดก่อนหน้านี้ว่าจะมีการซื้อเครื่องบินจากสหรัฐเพิ่มเติม 80-90 ลำ

อย่างไรก็ตาม นายลวรণได้ชี้แจงอย่างชัดเจนว่า การบินไทยได้ดำเนินการสั่งซื้อเครื่องบินไปแล้ว 45 ลำ ในขณะที่อีก 35 ลำ เป็นสิทธิ์เลือก (Options) ที่บริษัทสามารถพิจารณาใช้สิทธิ์หรือไม่ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของฝ่ายบริหารการบินไทย ทั้งในเรื่องจำนวนและรุ่นของเครื่องบิน

“เป็นการตัดสินใจที่ดำเนินการไปแล้ว ไม่ว่าจะมีการเจรจาภาษีสหรัฐหรือไม่มี 45 ลำก็ซื้ออยู่แล้ว เป็นแผนธุรกิจของการบินไทยตั้งแต่อยู่ในแผนฟื้นฟูแล้ว” ปลัดคลังยืนยันพร้อมเน้นย้ำว่าไม่มีแรงกดดันจากฝ่ายการเมืองแต่อย่างใด

ผู้บริหารยืนยันความเป็นอิสระในการตัดสินใจ

นายชาย เอี่ยมศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ได้ออกมาสนับสนุนคำกล่าวของปลัดคลัง โดยเน้นย้ำว่าการซื้อเครื่องบินของการบินไทยไม่มีแรงกดดันจากฝ่ายการเมืองอย่างแน่นอน

“ตั้งแต่ปลายปี 2566 จนถึงปัจจุบันไม่มีแรงกดดันหรือความต้องการจากภายนอกใดๆ การตัดสินใจซื้อมาจากพื้นฐานของธุรกิจจริงๆ ที่สำคัญ เรื่องการเจรจาภาษีของทรัมป์มาทีหลัง” นายชายกล่าว

เขายังได้กล่าวถึงกรณีที่มีข้อเสนอให้การบินไทยซื้อเครื่องบินเพิ่มเติมหรือไม่ว่า ณ ขณะนี้ยังไม่มีข้อเสนอดังกล่าว โดยเขามองว่าการที่การบินไทยสามารถกลับมาอยู่ในจุดนี้ได้ เป็นผลมาจากความเป็นอิสระและการบริหารงานอย่างมืออาชีพ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้การบินไทยสามารถเติบโตอย่างยั่งยืนได้

ยุทธศาสตร์การฟื้นฟูและการขยายกองเรือบิน

แผนการจัดหาเครื่องบิน 80 ลำ นี้เป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์การฟื้นฟูการบินไทยที่ได้วางแผนไว้อย่างเป็นระบบ หลังจากที่บริษัทผ่านกระบวนการฟื้นฟูกิจการตามพระราชบัญญัติล้มละลาย โดยการเพิ่มจำนวนเครื่องบินใหม่จะช่วยเสริมศักยภาพในการให้บริการ ขยายเส้นทางการบิน และเพิ่มความสามารถในการแข่งขันในตลาดการบินทั้งภายในประเทศและระหว่างประเทศ

การได้เครื่องบินใหม่จะช่วยลดต้นทุนการดำเนินงาน เนื่องจากเครื่องบินรุ่นใหม่มีประสิทธิภาพในการใช้เชื้อเพลิงที่ดีกว่า ลดค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษา และให้ความสะดวกสบายแก่ผู้โดยสารมากขึ้น ซึ่งจะช่วยเพิ่มความสามารถในการแข่งขันและสร้างรายได้ให้กับบริษัทในระยะยาว

ผลการดำเนินงานและแนวโน้มการจ่ายเงินปันผล

เมื่อมีการสอบถามเกี่ยวกับการจ่ายเงินปันผลในปี 2568 นายชายได้ให้ข้อมูลว่า ตามหลักการแล้ว หากบริษัทมีกำไรสุทธิเป็นบวกอย่างน้อย 25% ก็สามารถพิจารณาจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นได้ แสดงให้เห็นถึงสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่งของการบินไทยในปัจจุบัน

การที่การบินไทยสามารถกลับมาพิจารณาจ่ายเงินปันผลได้นั้น สะท้อนถึงความสำเร็จของแผนฟื้นฟูกิจการและการบริหารงานที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นข่าวดีสำหรับผู้ถือหุ้นและนักลงทุนที่ให้ความไว้วางใจในสายการบินแห่งชาติ

บริบทการเจรจาการค้าระหว่างประเทศ

แม้ว่าการบินไทยจะยืนยันว่าแผนซื้อเครื่องบินไม่เกี่ยวข้องกับการเจรจาภาษีระหว่างไทย-สหรัฐอเมริกา แต่ประเด็นนี้ได้สร้างความสนใจในวงกว้าง เนื่องจากเป็นส่วนหนึ่งของการเจรจาการค้าระหว่างประเทศที่มีความซับซ้อนและมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศ

การที่ผู้บริหารการบินไทยออกมาชี้แจงอย่างชัดเจนถึงความเป็นอิสระในการตัดสินใจทางธุรกิจ สะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจตามหลักธรรมาภิบาลและความโปร่งใส ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญสำหรับความน่าเชื่อถือของบริษัทในสายตาของนักลงทุนและสาธารณชน

ความท้าทายและโอกาสในอนาคต

การเลื่อนกำหนดรับมอบเครื่องบินจากช่วงกลางปี 2570 เป็นต้นปี 2571 อาจส่งผลกระทบต่อแผนการขยายบริการของการบินไทยในระยะสั้น แต่ด้วยสถานการณ์อุตสาหกรรมการบินโลกที่ยังคงเผชิญกับปัญหาขาดแคลนเครื่องบิน การที่การบินไทยมีการสั่งจองเครื่องบินไว้ล่วงหน้าถือเป็นการเตรียมความพร้อมที่ดี

การลงทุนในเครื่องบินใหม่จะช่วยให้การบินไทยสามารถแข่งขันได้ดีขึ้นในตลาดการบินที่มีการแข่งขันสูง โดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกที่มีการเติบโตของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและการค้าระหว่างประเทศอย่างต่อเนื่อง

ผลกระทบต่อเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว

การที่การบินไทยมีแผนขยายกองเรือบินเครื่องบินใหม่ 80 ลำ จะมีผลกระทบเชิงบวกต่อภาคการท่องเที่ยวของประเทศไทย เนื่องจากจะช่วยเพิ่มขนาดการให้บริการและความสามารถในการรองรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทย

นอกจากนี้ การมีเครื่องบินใหม่ที่มีประสิทธิภาพสูงยังช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก สนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของประเทศ และยกระดับภาพลักษณ์ของการบินไทยในฐานะสายการบินที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม

บทสรุป

การที่การบินไทยยืนยันแผนซื้อเครื่องบินใหม่ 80 ลำ โดยไม่เกี่ยวข้องกับแรงกดดันทางการเมืองหรือการเจรจาภาษีระหว่างประเทศ แสดงให้เห็นถึงความมั่นคงและความเป็นมืออาชีพในการบริหารงานของสายการบินแห่งชาติ

แผนการดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ระยะยาวในการฟื้นฟูและพัฒนาการบินไทยให้กลับมาเป็นสายการบินชั้นนำของภูมิภาค โดยการลงทุนในเครื่องบินใหม่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน ลดต้นทุน และเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขันในตลาดการบินที่มีการแข่งขันสูง

ความสำเร็จของแผนนี้จะไม่เพียงแต่ส่งผลดีต่อการบินไทยเท่านั้น แต่ยังจะส่งผลกระทบเชิงบวกต่อภาคการท่องเที่ยว เศรษฐกิจของประเทศ และการยกระดับภาพลักษณ์ของประเทศไทยในเวทีการบินโลกอีกด้วย