ผู้ต้องหาละเมิดเด็กหญิงวัย 15 ปี มอบตัวต่อเจ้าหน้าที่แล้ว ปฏิเสธข้อหา-อ้างเด็กสมยอม

ข่าวอาชญากรรม ภัยสังคม

จังหวัดชัยภูมิ, 8 สิงหาคม 2568 – คดีละเมิดทางเพศเด็กหญิงวัย 15 ปี ในอำเภอหนองบัวระเหว จังหวัดชัยภูมิ มีความคืบหน้าเมื่อผู้ต้องหาวัย 40 ปี ได้เข้ามอบตัวต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว หลังหลบหนีไปอาศัยที่บ้านญาติในต่างจังหวัดเป็นเวลาหลายวัน ทั้งนี้ผู้ต้องหายังคงปฏิเสธข้อกล่าวหา โดยอ้างว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นการสมยอมของทั้งสองฝ่าย

รายละเอียดเหตุการณ์

เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2568 เวลาประมาณ 11.00 น. ที่บ้านในตำบลวังตะเฆ่ อำเภอหนองบัวระเหว จังหวัดชัยภูมิ เมื่อนายนันทวุฒิ หรือ “ตาน้อย” (นามสมมติ) อายุ 40 ปี ซึ่งเป็นเพื่อนบ้านและมีศักดิ์เป็นตาของเด็กหญิง ได้เข้าไปในบ้านและกระทำการละเมิดทางเพศต่อเด็กหญิงวัย 15 ปี ที่บริเวณห้องครัวของบ้านดังกล่าว

เด็กหญิงผู้ตกเป็นเหยื่อมีสถานะเป็นเด็กกำพร้าทั้งพ่อและแม่ ปัจจุบันอาศัยอยู่กับยายวัย 66 ปี ในบ้านหลังเดียวกัน เมื่อเหตุการณ์เกิดขึ้น ยายของเด็กหญิงได้นำหลานมาแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรวังตะเฆ่ทันที

การดำเนินคดีของเจ้าหน้าที่

หลังจากได้รับแจ้งเหตุ เจ้าหน้าที่พนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐานและยื่นขอหมายจับต่อศาลจังหวัดชัยภูมิ ในข้อหา “ข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่นโดยขู่เข็ญด้วยประการใดๆ โดยใช้กำลังประทุษร้าย โดยผู้อื่นนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ หรือโดยทำให้ผู้อื่นเข้าใจผิดว่าตนเป็นบุคคลอื่น”

ศาลจังหวัดชัยภูมิได้อนุญาตออกหมายจับ เลขที่ 246/2568 ลงวันที่ 5 สิงหาคม 2568 เพื่อติดตามจับกุมผู้ต้องหารายนี้

การหลบหนีและการมอบตัว

หลังจากทราบข่าวการออกหมายจับ ผู้ต้องหาได้หลบหนีไปอาศัยที่บ้านญาติในต่างจังหวัด แต่ด้วยแรงกดดันจากการไล่ล่าของเจ้าหน้าที่และสื่อมวลชน ทำให้ผู้ต้องหาตัดสินใจติดต่อขอมอบตัวผ่านทางเจ้าหน้าที่ท้องถิ่น

การมอบตัวได้ดำเนินการภายใต้การอำนวยการของ พันตำรวจเอก สุขสันต์ ไตรทิพย์ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชัยภูมิ และ พันตำรวจเอก วัฒนชัย มณฑีรรัตน์ ผู้กำกับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรจังหวัดชัยภูมิ โดยมี ว่าที่ร้อยตรีเอกพล เรืองเพชร นายอำเภอหนองบัวระเหว นายสุรชัย ชิณพันธ์ ปลัดอำเภอฝ่ายความมั่นคง และเจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นสักขีพยาน

คำให้การของผู้ต้องหา

เมื่อถูกนำตัวมาสอบสวน ผู้ต้องหาได้ให้การปฏิเสธข้อกล่าวหาว่าตนไม่ได้กระทำการข่มขื่น โดยอ้างว่าเป็นการกระทำที่ทั้งสองฝ่ายสมยอมกัน และกล่าวอ้างว่าเด็กหญิงเป็นฝ่ายยั่วยุก่อน จึงทำให้ตนเกิดอารมณ์และกระทำเช่นนั้น

อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่เชื่อคำให้การดังกล่าว เนื่องจากเด็กหญิงผู้เสียหายมีอายุเพียง 15 ปี ซึ่งถือเป็นผู้เยาว์ที่ไม่สามารถให้ความยินยอมในการมีเพศสัมพันธ์ได้ตามกฎหมาย

การควบคุมตัวและข้อหา

ปัจจุบันผู้ต้องหาถูกควบคุมตัวโดย พันตำรวจโท จำรัส ไตรสูงเนิน รองผู้กำกับการสืบสวนสอบสวนสถานีตำรวจภูธรวังตะเฆ่ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย และได้ถูกส่งตัวไปยังศาลจังหวัดชัยภูมิเพื่อขอฝากขัง

ผู้ต้องหาถูกจับกุมในข้อหา “ข่มขืนกระทำชำเราเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี” และ “ข่มขืนผู้อื่นโดยขู่เข็ญด้วยประการใดๆ โดยใช้กำลังประทุษร้าย โดยผู้อื่นนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้หรือโดยทำให้ผู้อื่นเข้าใจผิดว่าตนเป็นบุคคลอื่น”

ผลกระทบต่อผู้เสียหายและการช่วยเหลือ

เหตุการณ์ครั้งนี้ส่งผลกระทบทางจิตใจอย่างรุนแรงต่อเด็กหญิงผู้เสียหาย ซึ่งอยู่ในสภาวะกำพร้าพ่อแม่และต้องพึ่พาการดูแลจากยายเพียงผู้เดียว เจ้าหน้าที่จากบ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดชัยภูมิได้เข้ามารับเด็กหญิงไปอยู่ในความดูแลเพื่อความปลอดภัยแล้ว

การดูแลทางจิตใจและการฟื้นฟูสภาพจิตใจของเด็กหญิงผู้เสียหายจะต้องได้รับการติดตามอย่างใกล้ชิดจากผู้เชี่ยวชาญ เนื่องจากเหตุการณ์ดังกล่าวอาจส่งผลต่อการพัฒนาและชีวิតในอนาคตของเด็กอย่างมาก

ความเห็นจากครอบครัวผู้เสียหาย

ญาติผู้ใหญ่ของเด็กหญิงผู้เสียหายได้แสดงความเห็นอย่างชัดเจนว่าต้องการให้ดำเนินคดีอย่างเข้มงวดถึงที่สุด เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ซ้ำกับเด็กคนอื่นๆ ในอนาคต พวกเขาเรียกร้องให้ระบบยุติธรรมดำเนินการอย่างรวดเร็วและเป็นธรรม

มุมมองด้านกฎหมายและสังคม

คดีนี้สะท้อนให้เห็นถึงปัญหาการคุกคามทางเพศต่อเด็กในสังคมไทย ซึ่งเป็นปัญหาที่ต้องได้รับการแก้ไขอย่างจริงจัง การที่ผู้กระทำผิดอ้างว่าเด็กยินยอมหรือเป็นฝ่ายยั่วยุนั้น ไม่สามารถรับฟังได้ทางกฎหมาย เพราะเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี ถือเป็นผู้เยาว์ที่ไม่มีความสามารถในการให้ความยินยอมในเรื่องเพศสัมพันธ์

ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ. 2546 และที่แก้ไขเพิ่มเติม รวมทั้งประมวลกฎหมายอาญา การกระทำดังกล่าวถือเป็นความผิดร้ายแรงที่มีโทษจำคุกหนักและมีผลกระทบต่อชีวิตของเด็กอย่างยาวนาน

การป้องกันและแก้ไขปัญหา

เหตุการณ์นี้เป็นการเตือนสติให้ทุกภาคส่วนในสังคมต้องร่วมมือกันในการป้องกันและคุ้มครองเด็กจากการถูกละเมิดทางเพศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเด็กที่อยู่ในสภาวะเสี่ยง เช่น เด็กกำพร้า เด็กที่ขาดการดูแลจากผู้ปกครอง หรือเด็กที่อาศัยอยู่กับญาติไกล

การศึกษาเรื่องเพศศึกษาและการป้องกันตนเองจากการถูกละเมิดควรได้รับการส่งเสริมในระดับโรงเรียนและชุมชน เพื่อให้เด็กมีความรู้และความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับสิทธิในร่างกายและการป้องกันตนเอง

บทสรุปและการติดตาม

คดีนี้จะต้องได้รับการติดตามอย่างใกล้ชิดจากสื่อมวลชนและองค์กรที่เกี่ยวข้องกับการคุ้มครองสิทธิเด็ก เพื่อให้มั่นใจว่าการดำเนินคดีเป็นไปด้วยความเป็นธรรมและรวดเร็ว

การฟื้นฟูสภาพจิตใจของเด็กหญิงผู้เสียหายถือเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในขณะนี้ ซึ่งต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกฝ่าย ทั้งหน่วยงานรัฐ องค์กรเอกชน และชุมชนในการให้การสนับสนุนและดูแลอย่างต่อเนื่อง

ขณะเดียวกัน คดีนี้ควรเป็นบทเรียนให้สังคมไทยในการเสริมสร้างกลไกการป้องกันและแก้ไขปัญหาการละเมิดทางเพศต่อเด็ก เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีกในอนาคต การดำเนินคดีครั้งนี้จึงไม่เพียงแต่เป็นการลงโทษผู้กระทำผิดเท่านั้น แต่ยังเป็นการส่งสัญญาณที่ชัดเจนว่าสังคมไทยจะไม่ยอมรับการกระทำที่เป็นอันตรายต่อเด็กในทุกกรณี

หมายเหตุ: การรายงานข่าวเกี่ยวกับคดีความผิดทางเพศต่อเด็กดำเนินการด้วยความระมัดระวัง โดยคำนึงถึงสิทธิความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยของผู้เสียหาย ชื่อและรายละเอียดส่วนบุคคลที่ระบุในข่าวนี้เป็นนามสมมติเพื่อปกป้องเอกลักษณ์ของบุคคลที่เกี่ยวข้องตามหลักการข้อบังคับของสภาหอการค้าแห่งชาติด้านจรรยาบรรณสื่อมวลชน