เมื่อเวลาประมาณ 09.30 น. วันเสาร์ที่ 10 สิงหาคม 2568 ศูนย์วิทยุพระนครได้รับแจ้งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นภายในห้างสรรพสินค้าในอำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ โดยมีรายงานว่ามีบุคคลหนึ่งถูกสาดน้ำกรดและได้รับบาดเจ็บ
หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ประสานงานอย่างรวดเร็ว โดยส่งเจ้าหน้าที่และอาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญูเข้าไปตรวจสอบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น การดำเนินการเป็นไปอย่างรวดเร็วเพื่อให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ประสบเหตุโดยเร็วที่สุด
ผู้ประสบเหตุได้รับบาดเจ็บสาหัส
จากการตรวจสอบภายในห้องน้ำของห้างสรรพสินค้า เจ้าหน้าที่พบตัวนายศิลาพัฒน์ อายุ 22 ปี ชาวจังหวัดนครสวรรค์ ในสภาพที่ได้รับบาดเจ็บจากน้ำกรด โดยมีบาดแผลพุพองไหม้บริเวณแขน ขา และร่างกายหลายจุด
อาการบาดเจ็บของผู้ประสบเหตุค่อนข้างรุนแรง ทำให้อาสาสมัครต้องประสานขอการสนับสนุนรถพยาบาลและทีมกู้ชีพจากโรงพยาบาลจุฬารัตน์สุวรรณภูมิเข้ามาช่วยเหลือที่จุดเกิดเหตุอย่างเร่งด่วน หลังจากได้รับการปฐมพยาบาลเบื้องต้นแล้ว ผู้ประสบเหตุถูกส่งตัวไปยังโรงพยาบาลเพื่อรับการรักษาต่อไปตามสิทธิการรักษาพยาบาลที่เขามีสิทธิ์
ปมปัญหาจากความสัมพันธ์ที่ผ่านมา
เมื่อสอบถามข้อมูลจากเพื่อนร่วมงานและหัวหน้างานของผู้ประสบเหตุ ได้ทราบว่า นายศิลาพัฒน์ เป็นพนักงานประจำของห้างสรรพสินค้าแห่งนี้ และในวันเกิดเหตุเขากำลังทำงานตามปกติภายในห้าง
ในช่วงเวลาที่เกิดเหตุ มีหญิงสาวคนหนึ่งเดินเข้ามาหาเขา ซึ่งต่อมาได้ทราบว่าเป็นอดีตแฟนสาวของเขา ก่อนที่หญิงสาวคนดังกล่าวจะสาดน้ำกรดใส่ผู้ประสบเหตุอย่างกะทันหัน เหตุการณ์นี้ทำให้นายศิลาพัฒน์ต้องวิ่งตะโกนขอความช่วยเหลือจากคนรอบข้าง
เพื่อนร่วมงานที่เห็นเหตุการณ์ได้รีบพาตัวเขาไปที่ห้องน้ำเพื่อล้างน้ำกรดออกจากร่างกายเบื้องต้น ก่อนที่จะรีบแจ้งไปยังหมายเลข 1669 เพื่อขอความช่วยเหลือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
คำให้การของผู้ประสบเหตุ
นายศิลาพัฒน์ ผู้ประสบเหตุ ได้ให้การกับเจ้าหน้าที่ว่า ผู้ก่อเหตุคือ นางสาวณิชา อายุ 19 ปี ซึ่งเป็นอดีตแฟนสาวของเขาที่เลิกรากันไปแล้ว ในขณะที่เกิดเหตุ เขากำลังทำงานจัดเรียงสินค้าภายในห้างตามปกติและไม่ได้คาดคิดว่าจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น
“ผมไม่ทันระวังเลย เพราะไม่คิดว่าแฟนเก่าจะบุกมาทำอย่างนี้ เธอเดินมาประชิดตัวแล้วสาดน้ำกรดใส่ทันที หลังจากนั้นก็วิ่งหนีออกจากห้างไป” นายศิลาพัฒน์เล่าให้ฟัง
ประวัติการก่อเหตุที่ผ่านมา
ที่น่าตกใจยิ่งไปกว่านั้นคือ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ นางสาวณิชา มาก่อเหตุรบกวนอดีตแฟนหนุ่มของเธอ เพราะก่อนหน้านี้เมื่อช่วงต้นเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา เธอเคยบุกมาทำลายรถยนต์ของนายศิลาพัฒน์ ซึ่งเขาได้แจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจไว้แล้ว
ปัจจุบันคดีความในข้อหาทำลายทรัพย์สินดังกล่าวยังอยู่ในระหว่างขั้นตอนการไกล่เกลี่ย แต่ก่อนที่จะมีการแก้ไขปัญหาได้ นางสาวณิชา กลับมาก่อเหตุซ้ำอีกครั้งในลักษณะที่รุนแรงขึ้น
ผลกระทบต่อการดำเนินชีวิต
เหตุการณ์ครั้งนี้ไม่เพียงแต่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพกายของผู้ประสบเหตุเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อสุขภาพจิตและการดำเนินชีวิตประจำวันของเขาอย่างมาก การที่ต้องเผชิญกับความรุนแรงจากอดีตแฟนสาวอย่างต่อเนื่องทำให้เขาต้องใช้ชีวิตอย่างระแวดระวังและกังวล
นายศิลาพัฒน์ซึ่งเป็นชายหนุ่มที่เพิ่งเริ่มต้นชีวิตการทำงาน ต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่ไม่ควรจะเกิดขึ้นกับใครในสังคม การถูกคุกคามและทำร้ายร่างกายด้วยน้ำกรดนับเป็นอาชญากรรมที่รุนแรงที่สุดรูปแบบหนึ่ง
การดำเนินคดีและมาตรการป้องกัน
หลังจากเหตุการณ์นี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้ามามีบทบาทในการติดตามและจับกุมผู้ก่อเหตุ โดยมีการออกหมายจับ นางสาวณิชา ในข้อหาทำร้ายร่างกายด้วยสารกัดกร่อน ซึ่งถือเป็นความผิดร้ายแรงที่มีโทษจำคุกสูง
ทางเจ้าหน้าที่ได้ให้คำแนะนำแก่ผู้ประสบเหตุในการขอใบสั่งห้ามเข้าใกล้ (Restraining Order) เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ก่อเหตุมารบกวนหรือคุกคามเขาอีกในอนาคต นอกจากนี้ยังมีการประสานงานกับฝ่ายรักษาความปลอดภัยของห้างสรรพสินค้าเพื่อเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยสำหรับพนักงาน
ผลกระทบต่อสังคมและชุมชน
เหตุการณ์นี้สร้างความตื่นตระหนกให้กับผู้คนในพื้นที่ โดยเฉพาะพนักงานและลูกค้าของห้างสรรพสินค้า หลายคนเริ่มกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยในการใช้ชีวิตประจำวัน เพราะเหตุการณ์เช่นนี้สามารถเกิดขึ้นได้ทุกที่ทุกเวลา
ทางผู้บริหารห้างสรรพสินค้าได้ออกมาให้ความเห็นใจและแสดงความห่วงใยต่อพนักงานที่ประสบเหตุ พร้อมทั้งให้การสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลและจัดหาที่ปรึกษาด้านจิตใจให้กับเขา
ความรุนแรงในความสัมพันธ์
เหตุการณ์นี้เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของปัญหาความรุนแรงในความสัมพันธ์ที่กำลังเป็นประเด็นสำคัญในสังคมไทย การที่คู่รักหรือคู่สมรสใช้ความรุนแรงต่อกันเมื่อเกิดความขัดแย้งหรือการเลิกรา เป็นปัญหาที่ต้องได้รับการแก้ไขอย่างจริงจัง
นักจิตวิทยาและนักสังคมสงเคราะห์หลายท่านได้ออกมาวิเคราะห์ว่า พฤติกรรมของผู้ก่อเหตุในครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงความผิดปกติทางจิต การไม่สามารถควบคุมอารมณ์ และการไม่ยอมรับความจริงที่ว่าความสัมพันธ์ได้สิ้นสุดลงแล้ว
มุมมองของผู้เชี่ยวชาญ
ผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยาให้ความเห็นว่า การใช้ความรุนแรงในการแก้ปัญหาความสัมพันธ์นั้นไม่เคยเป็นทางออกที่ถูกต้อง และมักจะนำไปสู่ผลเสียที่ร้ายแรงกว่าเดิม โดยเฉพาะการใช้สารเคมีกัดกร่อนซึ่งอาจทำให้ผู้ประสบเหตุได้รับความเสียหายถาวร
การศึกษาพบว่า ผู้ที่มีแนวโน้มจะใช้ความรุนแรงในความสัมพันธ์มักจะมีประวัติของปัญหาในการควบคุมอารมณ์ การไม่สามารถรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น และการมีความคิดที่บิดเบี้ยวเกี่ยวกับความรักและความเป็นเจ้าของ
บทเรียนสำหรับสังคม
เหตุการณ์นี้เป็นบทเรียนสำคัญที่สังคมไทยควรนำไปพิจารณา ทั้งในด้านการป้องกันและการแก้ไขปัญหา ครอบครัว โรงเรียน และสถาบันการศึกษาต่างๆ ควรให้ความสำคัญกับการสอนเรื่องการจัดการอารมณ์ การเคารพสิทธิของผู้อื่น และการแก้ไขข้อขัดแย้งอย่างสันติ
นอกจากนี้ หน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องควรมีมาตรการในการคุ้มครองผู้ที่ถูกคุกคามหรือใช้ความรุนแรงอย่างเป็นระบบและมีประสิทธิภาพมากขึ้น การออกใบสั่งห้ามเข้าใกล้และการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวดจะช่วยป้องกันเหตุการณ์เช่นนี้ได้
สถานการณ์ปัจจุบันและการติดตาม
ปัจจุบัน นายศิลาพัฒน์ ยังคงได้รับการรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล โดยแพทย์ระบุว่าแผลไหม้จากน้ำกรดต้องใช้เวลาในการรักษาค่อนข้างนาน และอาจต้องผ่าตัดเพื่อปลูกถ่ายผิวหนังในบางส่วน
ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยังคงดำเนินการล่าตัว นางสาวณิชา ผู้ก่อเหตุ ซึ่งยังลี้ลับหายไปหลังจากก่อเหตุ โดยมีการประกาศตามหาและประสานงานกับหน่วยงานต่างๆ เพื่อติดตามจับกุม
ครอบครัวของผู้ประสบเหตุได้เดินทางมาจากจังหวัดนครสวรรค์เพื่อดูแลเขา และได้รับความช่วยเหลือจากเครือข่ายสังคมและองค์กรการกุศลต่างๆ ในด้านค่าใช้จ่ายการรักษาพยาบาลและการสนับสนุนด้านอื่นๆ
เหตุการณ์นี้เป็นเครื่องเตือนใจให้กับทุกคนในสังคมว่า ความรุนแรงไม่ใช่ทางออกในการแก้ปัญหา และทุกคนควรหาวิธีการจัดการกับอารมณ์และความขัดแย้งอย่างสร้างสรรค์ หากมีปัญหาทางด้านจิตใจหรืออารมณ์ ควรขอความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญและคนใกล้ชิดเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ที่น่าเศร้าเช่นนี้อีก