สั่งปิดด่านช่องจอม เปิดเพียง 3 วันต่อสัปดาห์ เสริมความมั่นคงชายแดนไทย-กัมพูชา

ข่าวด่วนเกาะกระแส บุรีรัมย์ ศรีสะเกษ สุรินทร์ อุบลราชธานี

สุรินทร์ – 8 มิถุนายน 2568 กองกำลังภาคที่ 2 สุรนารี ออกคำสั่งด่วนควบคุมการเปิด-ปิดด่านช่องจอม จุดผ่านแดนสำคัญระหว่างไทย-กัมพูชาด้านจังหวัดสุรินทร์ โดยกำหนดให้เปิดให้บริการเพียง 3 วันต่อสัปดาห์ ได้แก่ วันจันทร์ วันพุธ และวันศุกร์เท่านั้น พร้อมทั้งกำหนดมาตรการควบคุมการเดินทางและการค้าขายอย่างเข้มงวด เพื่อรักษาความมั่นคงและความปลอดภัยของประชาชนทั้งสองประเทศ

พื้นหลังการออกคำสั่งควบคุมด่านชายแดน

การออกคำสั่งครั้งนี้เป็นผลจากการประชุมของสภาความมั่นคงแห่งชาติ เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2568 ที่ผ่านมา ซึ่งได้พิจารณาสถานการณ์ความตึงเครียดในภูมิภาคและผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อความมั่นคงของชาติ กองกำลังภาคที่ 2 สุรนารี ในฐานะหน่วยงานที่รับผิดชอบพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา จึงได้รับมอบหมายให้ดำเนินการตามมาตรการที่กำหนดขึ้น

หนังสือคำสั่งลงวันที่ 7 มิถุนายน 2568 เรื่อง “มาตรการควบคุมจุดผ่านแดนถาวรและจุดผ่อนปรนการค้าในพื้นที่ชายแดน” ได้ส่งถึงผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี ศรีสะเกษ สุรินทร์ และบุรีรัมย์ เพื่อให้ดำเนินการตามคำสั่งของกองทัพบกและกองทัพภาคที่ 2 อย่างเคร่งครัด

มาตรการนี้มีวัตถุประสงค์หลัก คือ การรักษาผลประโยชน์ของชาติ ความมั่นคง และความปลอดภัยของประชาชนชาวไทยและกัมพูชา ไม่ให้ได้รับผลกระทบจากความตึงเครียดของสถานการณ์ระหว่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการป้องกันการลักลอบขนส่งสินค้าผิดกฎหมายและการเคลื่อนไหวของบุคคลที่อาจก่อให้เกิดความไม่สงบ

รายละเอียดมาตรการควบคุมด่านช่องจอม

กำหนดวันเปิด-ปิดด่าน ตามคำสั่งใหม่ ด่านช่องจอมจะเปิดให้บริการเพียง 3 วันต่อสัปดาห์ ได้แก่ วันจันทร์ วันพุธ และวันศุกร์ เท่านั้น โดยในวันอื่นๆ ด่านจะปิดให้บริการทั้งหมด ยกเว้นกรณีฉุกเฉินหรือได้รับอนุญาตเป็นพิเศษจากเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง

การควบคุมการเดินทาง ประชาชนทั้งไทยและกัมพูชาที่ต้องการเดินทางผ่านด่านช่องจอม จะต้องใช้เอกสารการเดินทางที่ถูกต้องตามกฎหมาย ได้แก่ หนังสือเดินทาง (Passport) หรือ บัตรผ่านแดน (Border Pass) เท่านั้น โดยไม่ยอมรับเอกสารอื่นใดในการผ่านแดน เจ้าหน้าที่จะตรวจสอบเอกสารอย่างเข้มงวดและบันทึกข้อมูลการเดินทางของทุกคนที่ผ่านด่าน

การจำกัดการส่งออกสินค้า มาตรการใหม่ได้กำหนดให้จำกัดการส่งออกสินค้ายุทธภัณฑ์อย่างเคร่งครัด รวมไปถึงการงดส่งออกสินค้าก่อสร้าง เช่น เหล็ก ปูนซีเมนต์ อิฐ หิน ทราย และวัสดุก่อสร้างอื่นๆ จนกว่าสถานการณ์จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ

นอกจากนี้ การส่งออกสินค้าประเภทอื่นๆ จะต้องผ่านการพิจารณาตามดุลยพินิจของเจ้าหน้าที่ปฏิบัติภารกิจ โดยคำนึงถึงความเหมาะสมและความจำเป็น รวมทั้งผลกระทบต่อความมั่นคงของชาติ สินค้าที่อาจมีความเสี่ยงหรือสามารถนำไปใช้ในทางที่ผิดจะถูกห้ามส่งออกชั่วคราว

ผลกระทบต่อการค้าชายแดนและเศรษฐกิจท้องถิ่น

ผลกระทบต่อผู้ประกอบการ การลดวันเปิดด่านจาก 7 วันเป็น 3 วันต่อสัปดาห์ ส่งผลกระทบโดยตรงต่อผู้ประกอบการค้าชายแดนและผู้ที่มีธุรกิจข้ามแดน รายได้จากการค้าขายอาจลดลงประมาณ 50-60% จากเดิม โดยเฉพาะผู้ค้าขายปลีกและผู้ให้บริการขนส่งสินค้า

ผู้ประกอบการหลายรายแสดงความกังวลต่อมาตรการนี้ โดยระบุว่าจะต้องปรับแผนการดำเนินธุรกิจและอาจต้องลดจำนวนพนักงาน อย่างไรก็ตาม พวกเขาเข้าใจถึงความจำเป็นในการรักษาความมั่นคงของชาติและพร้อมให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่

การปรับตัวของชุมชนชายแดน ชุมชนบริเวณด่านช่องจอมซึ่งมีประชาชนจำนวนมากประกอบอาชีพที่เกี่ยวข้องกับการค้าขายข้ามแดน กำลังปรับตัวเพื่อรับมือกับสถานการณ์ใหม่ มีการจัดตั้งกลุ่มออมทรัพย์และกิจกรรมสร้างรายได้ทางเลือกเพื่อช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบ

ผู้นำชุมชนได้ประสานงานกับหน่วยงานราชการเพื่อหาแนวทางสนับสนุนและช่วยเหลือประชาชน รวมทั้งการส่งเสริมอาชีพทางเลือก เช่น การเกษตร การปศุสัตว์ และการแปรรูปผลิตภัณฑ์ท้องถิ่น เพื่อลดการพึ่งพิงการค้าขายข้ามแดนเพียงอย่างเดียว

มาตรการรักษาความปลอดภัยเพิ่มเติม

การเสริมกำลังเจ้าหน้าที่ กองกำลังภาคที่ 2 สุรนารี ได้เสริมกำลังเจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจชายแดนบริเวณด่านช่องจอมและจุดผ่านแดนอื่นๆ ในพื้นที่รับผิดชอบ เพื่อเฝ้าระวังและป้องกันการลักลอบเข้าเมืองและการขนส่งสินค้าผิดกฎหมาย

การปรับเพิ่มกำลังคนนี้รวมถึงการใช้เทคโนโลยีขั้นสูง เช่น กล้องวงจรปิดระบบ Night Vision อุปกรณ์สแกนสินค้า และระบบติดตามเคลื่อนไหวแบบดิจิทัล เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการควบคุมชายแดน

การประสานงานกับฝั่งกัมพูชา เจ้าหน้าที่ไทยได้ประสานงานอย่างใกล้ชิดกับเจ้าหน้าที่กัมพูชาเพื่อแจ้งมาตรการใหม่และขอความร่วมมือในการรักษาความสงบเรียบร้อยในพื้นที่ชายแดน การประสานงานนี้ช่วยให้การดำเนินการเป็นไปอย่างราบรื่นและลดความเข้าใจผิดที่อาจเกิดขึ้น

ทั้งสองฝ่ายได้ตกลงกันว่าจะแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารและร่วมมือกันในการป้องกันอาชญากรรมข้ามแดน การค้ามนุษย์ และการลักลอบขนส่งยาเสพติด เพื่อรักษาความมั่นคงและความปลอดภัยของประชาชนทั้งสองประเทศ

ปฏิกิริยาจากภาคส่วนต่างๆ

ความเห็นของผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ได้ออกมาแสดงความเห็นว่า มาตรการดังกล่าวเป็นสิ่งที่จำเป็นเพื่อรักษาความมั่นคงของชาติ แม้จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจท้องถิ่นในระยะสั้น แต่จะช่วยป้องกันปัญหาที่อาจรุนแรงขึ้นในอนาคต

จังหวัดได้เตรียมมาตรการช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบ รวมทั้งการจัดหางานทำทางเลือกและการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้ที่มีความจำเป็น นอกจากนี้ ยังมีการประสานงานกับหน่วยงานกลางเพื่อขอสนับสนุนโครงการพัฒนาเศรษฐกิจทางเลือกในพื้นที่

ความเห็นของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากพื้นที่ได้แสดงความเข้าใจต่อมาตรการนี้ แต่ขอให้รัฐบาลเร่งหาแนวทางช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบ พร้อมทั้งเสนอให้มีการทบทวนมาตรการเป็นระยะๆ เพื่อปรับให้เหมาะสมกับสถานการณ์

มีข้อเสนอให้รัฐบาลจัดสรรงบประมาณพิเศษสำหรับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและส่งเสริมการลงทุนในพื้นที่ชายแดน เพื่อสร้างความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจและลดการพึ่งพิงการค้าข้ามแดนเพียงอย่างเดียว

แนวโน้มและผลกระทบระยะยาว

การปรับตัวของการค้าชายแดน ผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจชายแดนคาดการณ์ว่า การค้าชายแดนจะต้องปรับรูปแบบให้เหมาะสมกับข้อจำกัดใหม่ อาจมีการรวมตัวกันของผู้ประกอบการเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และการพัฒนาช่องทางการค้าออนไลน์เพื่อทดแทนการค้าแบบดั้งเดิม

การพัฒนาคลังสินค้าและระบบโลจิสติกส์ที่มีประสิทธิภาพจะเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้สามารถใช้ประโยชน์จากวันเปิดด่านได้อย่างเต็มที่ ผู้ประกอบการจะต้องวางแผนการขนส่งและจัดเก็บสินค้าให้เหมาะสมกับรูปแบบการเปิดด่านใหม่

ผลกระทบต่อความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชา แม้มาตรการนี้จะส่งผลต่อการค้าขาย แต่ทั้งสองประเทศยังคงรักษาความสัมพันธ์ที่ดีและมีการประสานงานอย่างใกล้ชิด การดำเนินการนี้เป็นมาตรการชั่วคราวเพื่อรักษาเสถียรภาพในภูมิภาค และทั้งสองฝ่ายเข้าใจถึงความจำเป็นของการดำเนินการดังกล่าว

มีแนวโน้มว่าเมื่อสถานการณ์กลับเข้าสู่ภาวะปกติ การค้าขายและความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศจะกลับมาเข้มแข็งเช่นเดิม หรืออาจจะดีขึ้นกว่าเดิมจากการมีระบบควบคุมที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น

การติดตามและประเมินผลมาตรการ

กลไกการติดตามผล กองกำลังภาคที่ 2 สุรนารี จะมีการติดตามและประเมินผลการดำเนินงานตามมาตรการใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยการรวบรวมข้อมูลสถิติการผ่านแดน การค้าขาย และสถานการณ์ความมั่นคงในพื้นที่

มีการจัดตั้งศูนย์ข้อมูลรวมเพื่อติดตามสถานการณ์แบบ Real-time และมีการประชุมประเมินผลทุกสัปดาห์ เพื่อปรับปรุงมาตรการให้เหมาะสมกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลง

การทบทวนมาตรการ มาตรการควบคุมด่านช่องจอมจะได้รับการทบทวนทุก 30 วัน โดยคำนึงถึงสถานการณ์ความมั่นคง ผลกระทบทางเศรษฐกิจ และความคิดเห็นของประชาชนในพื้นที่ หากสถานการณ์ดีขึ้นหรือมีการปรับปรุงระบบความปลอดภัย มาตรการอาจถูกผ่อนปรนหรือปรับเปลี่ยนให้เหมาะสม

การทบทวนนี้จะเป็นการทำงานร่วมกันระหว่างหน่วยงานด้านความมั่นคง หน่วยงานเศรษฐกิจ และตัวแทนชุมชนท้องถิ่น เพื่อให้ได้แนวทางที่สมดุลระหว่างความมั่นคงและการพัฒนาเศรษฐกิจ

มาตรการควบคุมด่านช่องจอมครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของรัฐบาลไทยในการรักษาความมั่นคงของชาติ พร้อมทั้งแสดงให้เห็นถึงความรับผิดชอบต่อประชาชนทั้งไทยและกัมพูชา แม้จะส่งผลกระทบในระยะสั้น แต่มาตรการนี้มีเป้าหมายเพื่อสร้างความมั่นคงและเสถียรภาพในระยะยาวสำหรับทั้งสองประเทศ