เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2568 ทีมข่าวได้เดินทางไปยังบ้านหลังหนึ่งในพื้นที่หมู่ 3 ตำบลเสม็ด อำเภอเมือง จังหวัดชลบุรี เพื่อพบกับนางสาวภิญญาพัชญ์ (สงวนนามสกุล) อายุ 41 ปี เจ้าของบ้านและผู้เสียหายในคดีนี้ ซึ่งได้นำผู้สื่อข่าวไปยังจุดที่เก็บเงินสดและทองคำไว้ภายในห้องนอน บริเวณที่ผู้ต้องหาชื่อ “นายเสือ” ได้ลักขโมยทรัพย์สินไปจนหมดสิ้น
นางสาวภิญญาพัชญ์ได้แสดงใบแจ้งความที่ได้ไปดำเนินคดีกับผู้ต้องหาที่สถานีตำรวจภูธรเสม็ด จังหวัดชลบุรี พร้อมเล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างละเอียด ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงการวางแผนอย่างรอบคอบของผู้ต้องหาที่ใช้ความรักเป็นเครื่องมือในการหลอกลวง
จุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์ที่นำไปสู่หายนะ
นางสาวภิญญาพัชญ์เล่าว่า ตนได้รู้จักกับนายเสือผ้านการแนะนำของเพื่อน ซึ่งในช่วงแรกนายเสือแสดงตัวเป็นชายหนุ่มที่น่าเชื่อถือและให้ความเอาใจใส่อย่างดี หลังจากคุยกันได้ระยะหนึ่ง ทั้งคู่ได้ตกลงคบหากันเป็นแฟน ซึ่งในช่วงนั้นนายเสือได้ขอมาอยู่ที่บ้านของเธอ
“ตอนนั้นหนูให้เขามาอยู่ได้เพราะหนูมีลูกชายอายุ 13 ปี และหนูต้องเดินทางไปทำงานที่ไต้หวันเป็นประจำ ก็คิดว่าจะมีคนดูแลบ้านและลูกให้” นางสาวภิญญาพัชญ์กล่าวด้วยน้ำเสียงเศร้า
การตัดสินใจนี้กลับกลายเป็นจุดเริ่มต้นของปัญหา ที่จะตามมา เนื่องจากนายเสือได้ใช้โอกาสนี้ในการสำรวจทรัพย์สินและวางแผนการลักขโมย
แผนการหลอกลวงที่วางไว้อย่างรอบคอบ
หลังจากคบหากันได้เพียงหนึ่งเดือน นางสาวภิญญาพัชญ์ต้องเดินทางไปทำงานที่ไต้หวันตามปกติ ซึ่งนายเสือได้อาสาที่จะมาดูแลบ้านให้ โดยอ้างว่าต้องการให้ความช่วยเหลือและแสดงความรับผิดชอบในฐานะแฟน
“หนูไว้ใจเขาเพราะเราคบหากันอยู่ และเขาก็พูดจาหวานหูว่าจะดูแลทุกอย่างให้ดี จะไม่ให้เกิดปัญหาอะไร” เธอเล่าถึงช่วงเวลาที่ยังไม่รู้ว่าจะเกิดเหตุการณ์เลวร้ายขึ้น
ในช่วงที่นางสาวภิญญาพัชญ์เดินทางไปทำงานที่ไต้หวัน นายเสือได้ใช้เวลาในการศึกษาและค้นหาที่เก็บทรัพย์สินต่างๆ ในบ้าน ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเขามีการวางแผนล่วงหน้าและรอโอกาสที่เหมาะสม
การค้นพบการสูญหายของทรัพย์สิน
หลังจากที่นางสาวภิญญาพัชญ์ทำงานที่ไต้หวันได้ประมาณ 2 สัปดาห์ เธอได้กลับมายังบ้านและพบความผิดปกติทันที บรรยากาศในบ้านดูแปลกไปจากเดิม และเมื่อได้ตรวจสอบที่เก็บทรัพย์สินที่เธอซ่อนไว้อย่างลับๆ ก็พบว่าทุกอย่างหายไปหมด
รายการทรัพย์สินที่ถูกขโมยไป ประกอบด้วย:
- เงินสดจำนวน 40,000 บาท
- ทองคำแท่งหนัก 2 สลึง (มูลค่าประมาณ 30,000 บาท)
- เงินไต้หวันจำนวน 15,000 ดอลลาร์ไต้หวัน (ประมาณ 16,500 บาท)
รวมมูลค่าความเสียหายทั้งสิ้นกว่า 86,500 บาท
การเผชิญหน้ากับความจริงอันโหดร้าย
เมื่อนางสาวภิญญาพัชญ์พยายามติดต่อนายเสือเพื่อสอบถามเกี่ยวกับทรัพย์สินที่หายไป เธอได้รับการตอบรับที่ไม่คาดคิด นายเสือได้ยอมรับว่าตนเป็นผู้นำทรัพย์สินเหล่านั้นไปจริง แต่ไม่แสดงความรู้สึกผิดหรือเสียใจแต่อย่างใด
“เมื่อหนูถามเขา เขาก็ตอบตรงๆ ว่าเอาไปจริง แต่พอหนูขอให้เขาคืนมา เขากลับด่าหนูกลับและตัดการติดต่อทั้งหมด บล็อกทุกช่องทาง ไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์ เฟซบุ๊ก หรือไลน์” นางสาวภิญญาพัชญ์เล่าด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความผิดหวัง
พฤติกรรมนี้แสดงให้เห็นถึงการวางแผนที่รอบคอบของผู้ต้องหา ที่ไม่เพียงแต่ขโมยทรัพย์สินเท่านั้น แต่ยังตัดการติดต่อทั้งหมดเพื่อไม่ให้ถูกติดตามหรือถูกบีบบังคับให้คืนทรัพย์สิน
การดำเนินคดีและการค้นพบประวัติอาชญากรรม
หลังจากที่นางสาวภิญญาพัชญ์ตระหนักว่าตนถูกหลอก เธอได้ไปแจ้งความที่สถานีตำรวจภูธรเสม็ด จังหวัดชลบุรี เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายทันที ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ให้ความสำคัญกับคดีนี้และได้เริ่มสืบสวนสอบสวนทันที
ที่น่าตกใจคือ เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจสอบประวัติของนายเสือ พบว่าเขามีประวัติในการก่ออาชญากรรมในลักษณะเดียวกันมาแล้วหลายครั้ง โดยมีรูปแบบการกระทำที่คล้ายคลึงกัน คือ การเข้าหาผู้หญิงด้วยการแสดงตัวเป็นแฟนหรือคนรัก จากนั้นจึงใช้โอกาสในการขโมยทรัพย์สิน
“ตำรวจบอกว่านายเสือมีประวัติโชกโชนและมีคดีเก่าในลักษณะเดียวกันมาแล้วหลายเรื่อง ซึ่งทำให้เข้าใจว่าเขาเป็นมืออาชีพในการหลอกลวงประเภทนี้” นางสาวภิญญาพัชญ์เปิดเผย
รูปแบบการกระทำผิดที่เป็นระบบ
จากการสืบสวนเบื้องต้น พบว่านายเสือมีรูปแบบการกระทำที่เป็นระบบและมีการวางแผนล่วงหน้า โดยมีขั้นตอนดังนี้:
ขั้นตอนที่ 1: การสร้างความเชื่อถือ นายเสือจะเข้าหาเป้าหมายด้วยการแสดงตัวเป็นชายที่น่าเชื่อถือ มีความจริงใจ และพร้อมที่จะสร้างความสัมพันธ์ที่จริงจัง
ขั้นตอนที่ 2: การสร้างความผูกพัน หลังจากได้รับความเชื่อถือแล้ว เขาจะขอคบหาเป็นแฟนและค่อยๆ เข้าไปมีส่วนร่วมในชีวิตประจำวันของเหยื่อ
ขั้นตอนที่ 3: การสำรวจทรัพย์สิน ในระหว่างที่อยู่ร่วมกัน เขาจะค่อยๆ สำรวจและศึกษาที่เก็บทรัพย์สินต่างๆ ในบ้าน
ขั้นตอนที่ 4: การรอโอกาส เมื่อมีโอกาสที่เหยื่อต้องเดินทางไปไหน เขาจะอาสาดูแลบ้าน ซึ่งเป็นโอกาสทองในการลักขโมย
ขั้นตอนที่ 5: การหลบหนี หลังจากขโมยทรัพย์สินแล้ว เขาจะตัดการติดต่อทั้งหมดและหลบหนีไปยังพื้นที่อื่น
ผลกระทบทางจิตใจและการเงิน
นางสาวภิญญาพัชญ์เล่าว่า เหตุการณ์นี้ไม่เพียงแต่ทำให้เธอสูญเสียทรัพย์สินเท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบต่อจิตใจอย่างรุนแรง ความไว้ใจที่มีต่อผู้อื่นได้ถูกทำลายลง และต้องเผชิญกับความรู้สึกโกรธ เสียใจ และผิดหวังอย่างสุดขีด
“เงินที่เขาขโมยไปนั้นเป็นเงินที่หนูทำงานหนักมาทั้งชีวิต บางส่วนเป็นเงินที่เก็บไว้เพื่อการศึกษาของลูก บางส่วนเป็นเงินสำรองเผื่อเหตุฉุกเฉิน ส่วนทองคำนั้นเป็นของที่แม่ฝากไว้ให้ดูแล” เธอกล่าวด้วยน้ำตาคลอ
นอกจากความสูญเสียทางการเงินแล้ว นางสาวภิญญาพัชญ์ยังต้องเผชิญกับความรู้สึกผิดที่ไม่สามารถปกป้องทรัพย์สินของครอบครัวได้ และความกังวลเกี่ยวกับอนาคตของลูกชาย
การติดตามตัวผู้ต้องหา
จากการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ พบว่านายเสือมีที่อยู่ล่าสุดในเขตตำบลเหมือง อำเภอเมือง จังหวัดชลบุรี ซึ่งไม่ไกลจากที่เกิดเหตุมากนัก อย่างไรก็ตาม เขาได้หลบหนีไปจากที่อยู่เดิมหลังจากก่อเหตุ ทำให้การติดตามตัวเป็นไปได้ยาก
เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ออกหมายจับและกำลังติดตามตัวผู้ต้องหาอย่างจริงจัง โดยคาดว่าจะสามารถจับกุมได้ในเร็วๆ นี้ เนื่องจากมีหลักฐานและพยานหลักฐานที่ชัดเจน
“ทางตำรวจให้ความมั่นใจว่าจะดำเนินการให้เร็วที่สุด เพราะกลัวว่าเขาจะไปหลอกเหยื่อรายอื่นอีก” นางสาวภิญญาพัชญ์กล่าว
การเตือนภัยสู่สาธารณะ
นางสาวภิญญาพัชญ์ได้ตัดสินใจเผยแพร่เรื่องราวของตนผ่านโซเชียลมีเดีย โดยเฉพาะเฟซบุ๊ก เพื่อเตือนภัยผู้หญิงคนอื่นๆ ให้ระวังการหลอกลวงในรูปแบบนี้ เธอได้โพสต์ข้อความพร้อมรูปภาพของผู้ต้องหา และรายละเอียดการกระทำผิด
“หนูอยากให้ผู้หญิงด้วยกันระวัง อย่าเพิ่งเชื่อใจใครง่ายๆ แม้ว่าจะเป็นแฟนก็ตาม ต้องดูประวัติและความเป็นไปได้ก่อน เพราะคนเลวอย่างนี้ยังมีอยู่ในสังคม” เธอกล่าว
การโพสต์ของเธอได้รับการแชร์และกระจายไปอย่างกว้างขวาง ทำให้หลายคนเข้ามาแสดงความเห็นใจและให้กำลังใจ รวมถึงมีบางคนที่เข้ามาแจ้งว่าเคยพบเห็นหรือมีประสบการณ์คล้ายคลึงกัน
คำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัย
นักจิตวิทยาและผู้เชี่ยวชาญด้านอาชญากรรมให้คำแนะนำว่า การหลอกลวงประเภทนี้เรียกว่า “Romance Scam” หรือการหลอกลวงทางความรัก ซึ่งเป็นปัญหาที่เพิ่มขึ้นในสังคมไทย
สัญญาณเตือนที่ควรระวัง:
- คนที่เพิ่งรู้จักแต่รีบร้อนที่จะสร้างความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้ง
- การขอมาอยู่บ้านหรือขอความช่วยเหลือทางการเงินเร็วเกินไป
- การไม่มีเพื่อนฝูงหรือครอบครัวที่ชัดเจน
- การหลีกเลี่ยงการให้ข้อมูลส่วนตัวที่ละเอียด
- พฤติกรรมที่แปลกประหลาดหรือสอดรู้สอดเห็นเรื่องทรัพย์สิน
วิธีการป้องกัน:
- ตรวจสอบประวัติและที่มาที่ไปของบุคคลที่จะสร้างความสัมพันธ์ด้วย
- ไม่เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับทรัพย์สินหรือการเงินให้คนที่เพิ่งรู้จัก
- ปรึกษาเพื่อนฝูงหรือญาติพี่น้องก่อนตัดสินใจที่สำคัญ
- เก็บทรัพย์สินไว้ในที่ปลอดภัย เช่น ธนาคารหรือตู้เซฟ
- ไว้ใจตนเองและจิตสำนึก หากรู้สึกว่ามีอะไรผิดปกติ
ผลกระทบต่อสังคมและการแก้ไข
เหตุการณ์นี้สะท้อนให้เห็นถึงปัญหาที่มีอยู่ในสังคมไทย ที่ผู้หญิงโสดหรือหม้ายมักจะเป็นเป้าหมายของผู้ที่มีเจตนาไม่ดี การที่ผู้หญิงต้องการความรักและความอบอุ่นจากครอบครัว กลับถูกใช้เป็นจุดอ่อนในการหลอกลวง
ข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย:
- เพิ่มการรณรงค์ให้ความรู้เกี่ยวกับการป้องกันการหลอกลวง
- พัฒนาระบบฐานข้อมูลผู้ก่ออาชญากรรมให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
- เสริมสร้างเครือข่ายการช่วยเหลือผู้ที่ถูกหลอกลวง
- ปรับปรุงกระบวนการทางกฎหมายให้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
บทเรียนและข้อคิดได้จากเหตุการณ์
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับนางสาวภิญญาพัชญ์เป็นบทเรียนสำคัญที่ทุกคนควรจำไว้ การที่เราต้องการความรักและความผูกพันเป็นเรื่องธรรมชาติ แต่ไม่ควรให้ความต้องการนี้บดบังวิจารณญาณและความระมัดระวัง
ความไว้ใจเป็นสิ่งสำคัญในความสัมพันธ์ แต่ความไว้ใจที่มาเร็วเกินไปและไม่มีพื้นฐานที่มั่นคงอาจนำไปสู่ปัญหาได้ การใช้เวลาในการทำความรู้จักกัน การสังเกตพฤติกรรม และการตรวจสอบข้อมูลพื้นฐาน เป็นสิ่งจำเป็นก่อนที่จะให้ความไว้ใจอย่างเต็มที่
สถานการณ์ปัจจุบันและการติดตาม
ขณะนี้คดีอยู่ระหว่างการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยมีการออกหมายจับนายเสือผู้ต้องหาแล้ว และกำลังติดตามตัวอย่างจริงจัง ทางเจ้าหน้าที่คาดว่าจะสามารถจับกุมตัวได้ภายในไม่ช้า เนื่องจากมีหลักฐานและพยานหลักฐานที่ชัดเจน
นางสาวภิญญาพัชญ์ยังคงรอความยุติธรรม และหวังว่าจะได้รับทรัพย์สินคืน แม้ว่าจะทราบดีว่าโอกาสในการได้รับทรัพย์สินคืนมาอาจจะไม่สูงนัก เนื่องจากผู้ต้องหาอาจจะได้ใช้จ่ายหรือขายทรัพย์สินเหล่านั้นไปแล้ว
เธอยังคงมุ่งมั่นที่จะติดตามคดีนี้จนกว่าจะได้รับความยุติธรรม และหวังว่าเรื่องราวของเธอจะเป็นบทเรียนให้กับผู้หญิงคนอื่นๆ ได้ระวังและป้องกันตัวเองจากการหลอกลวงประเภทนี้ในอนาคต
ทั้งนี้ ผู้ที่มีข้อมูลเกี่ยวกับผู้ต้องหาหรือพบเห็นนายเสือ สามารถแจ้งความได้ที่สถานีตำรวจภูธรเสม็ด จังหวัดชลบุรี หรือติดต่อสายด่วนตำรวจ 191 เพื่อให้การดำเนินคดีเป็นไปอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ