โลกโซเชียลมีเดียเกิดกระแสถกเถียงอย่างรุนแรงเกี่ยวกับร้านอาหารชื่อดังในพัทยา “ไก่ยกครก” หลังจากมีคลิปวิดีโอของแม่ค้าสาวที่แต่งตัวเซ็กซี่ขณะทำอาหาร โดยไม่สวมผ้ากันเปื้อนหรือหมวกคลุมผม จนเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางในประเด็นเรื่องสุขอนามัยในการประกอบอาหาร
วิดีโอดังกล่าวแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็วในแพลตฟอร์มต่างๆ ทั้ง TikTok, Facebook และ Instagram โดยมีความเห็นแบ่งออกเป็นสองฝ่าย ฝ่ายหนึ่งวิจารณ์ว่าไม่เหมาะสมและอาจเป็นอันตรายต่อสุขอนามัยของผู้บริโภค ขณะที่อีกฝ่ายหนึ่งให้การสนับสนุนว่าเป็นเสรีภาพในการประกอบธุรกิจ
วันที่ 5 กรกฎาคม 2568 ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังร้านไก่ยกครก สาขาพัทยา ริมถนนสายเทพประสิทธิ์ ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง และได้พบกับ นางสาวณภัคอร จิรรัชตภัค หรือที่รู้จักกันในนาม “น้องพีช” อายุ 33 ปี เจ้าของร้านดังกล่าว
น้องพีชออกมาเปิดใจถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นอย่างตรงไปตรงมา พร้อมทั้งพาผู้สื่อข่าวเดินชมร้าน ซึ่งในขณะนั้นมีลูกค้าจำนวนมากนั่งเต็มร้าน ทั้งชาวไทยจากหลายจังหวัด รวมถึงนักท่องเที่ยวต่างชาติจากประเทศตุรกี ลาว และอีกหลายประเทศ ต่างเดินทางมาอุดหนุนและขอถ่ายภาพร่วมกับน้องพีชอย่างเป็นกันเอง
เผยความจริงเบื้องหลังการถ่ายคลิป
นางสาวณภัคอรเผยว่า เรื่องที่ปรากฏในโลกออนไลน์นั้น เป็นการนำเสนอเพียงบางส่วนจากช่วงเวลาที่มีการถ่ายทำคอนเทนต์ประชาสัมพันธ์ร้านเท่านั้น โดยการแต่งกายเซ็กซี่เป็นเพียงกลยุทธ์ทางการตลาด เพื่อสร้างความแตกต่างจากร้านอื่นๆ และช่วยดึงดูดความสนใจในยุคที่เศรษฐกิจฝืดเคือง
“สำหรับทุกคลิปที่ถ่าย เราใช้เวลาเตรียมงานเกือบชั่วโมง เพื่อตัดคลิปลงโซเชียลเพียง 1-2 นาทีเท่านั้น การถ่ายทำไม่ได้เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่มีการปรุงอาหารให้ลูกค้าโดยตรง และในครัวจริง พ่อครัวแม่ครัวทุกคนก็สวมหมวกคลุมผมและผ้ากันเปื้อนครบถ้วนตามหลักสุขอนามัย” น้องพีชกล่าว
กลยุทธ์การตลาดในยุคเศรษฐกิจยากลำบาก
เจ้าของร้านเน้นย้ำว่า การใช้กลยุทธ์การตลาดแบบนี้เป็นความจำเป็นในยุคปัจจุบัน เนื่องจากร้านต้องดูแลพนักงานเกือบ 100 คน และต้องแข่งขันกับร้านอาหารอื่นๆ ที่มีจำนวนมากในพื้นที่พัทยา
“เราเป็นผู้ประกอบการที่ต้องต่อสู้ดิ้นรนในยุคที่เศรษฐกิจยากลำบาก ต้องหาวิธีการตลาดสร้างสรรค์ที่ไม่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพอาหารหรือความปลอดภัยของลูกค้า เราขายอาหารสุจริต มีพนักงานหลายสิบชีวิตที่ต้องดูแล สิ่งที่ทำไปก็เพื่อให้ร้านอยู่รอดและพนักงานมีรายได้” น้องพีชอธิบาย
ลูกค้าแน่นด้วยรสชาติและบริการ ไม่ใช่แค่การตลาด
สิ่งที่น้องพีชภูมิใจและมั่นใจที่สุดคือ ลูกค้าที่มาใช้บริการร้านไก่ยกครกนั้น มาเพราะรสชาติของอาหารและการบริการที่ดี ไม่ใช่มาเพราะการตลาดเพียงอย่างเดียว
“ลูกค้าหลายคนเดินทางจากกรุงเทพฯ หรือต่างประเทศเพื่อมาชิมอาหารที่นี่ มีลูกค้าประจำที่มารับประทานซ้ำหลายครั้ง นั่นคือสิ่งที่พิสูจน์คุณภาพของเรา ถ้าเป็นแค่การตลาด ลูกค้าคงไม่กลับมาซ้ำ” เธอกล่าวด้วยความมั่นใจ
ผู้สื่อข่าวสังเกตได้ว่า ในขณะที่เข้าไปสัมภาษณ์ ร้านมีลูกค้าเต็มที่นั่ง โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มาเป็นกลุ่มใหญ่ พร้อมทั้งสั่งอาหารหลากหลายเมนู ซึ่งแสดงให้เห็นว่าร้านยังคงได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง
การดูแลสุขอนามัยอย่างเข้มงวด
แม้จะมีกระแสวิพากษ์วิจารณ์เรื่องสุขอนามัย แต่น้องพีชยืนยันว่า ทางร้านให้ความสำคัญเรื่องความสะอาดและความปลอดภัยของลูกค้ามาเป็นอันดับแรกเสมอ
“ในครัวจริงที่ใช้ปรุงอาหารให้ลูกค้า พ่อครัวแม่ครัวทุกคนต้องสวมหมวกคลุมผมและผ้ากันเปื้อนครบถ้วนตามหลักสุขอนามัย เรามีการตรวจสอบและดูแลเรื่องความสะอาดอย่างเข้มงวด เพราะเข้าใจดีว่าสุขภาพของลูกค้าสำคัญที่สุด” เธออธิบาย
ร้านยังมีการจัดแบ่งพื้นที่อย่างชัดเจน ระหว่างพื้นที่ถ่ายทำคอนเทนต์กับพื้นที่ครัวจริงที่ใช้ปรุงอาหาร รวมถึงมีการทำความสะอาดอุปกรณ์และพื้นที่ทำงานอย่างสมำ่เสมอ
ผลกระทบต่อธุรกิจและพนักงาน
เมื่อถูกถามถึงผลกระทบจากกระแสวิพากษ์วิจารณ์ น้องพีชเผยว่า แม้จะมีเสียงต่อต้านบ้าง แต่ยอดขายโดยรวมยังคงเติบโต และมีลูกค้าใหม่ๆ เดินทางมาลองชิมอย่างต่อเนื่อง
“จริงๆ แล้วหลังจากเกิดกระแสนี้ กลับมีลูกค้าเดินทางมาสนับสนุนเพิ่มขึ้น ทั้งชาวไทยและต่างชาติ หลายคนบอกว่าอยากมาลองดูด้วยตัวเอง และสุดท้ายก็ประทับใจในรสชาติอาหาร ซึ่งทำให้เรามั่นใจว่าสิ่งที่เราทำถูกทาง” เธอกล่าว
สำหรับพนักงานในร้าน น้องพีชเล่าว่า ทุกคนยังคงทำงานตามปกติ และได้รับการดูแลเรื่องสวัสดิการอย่างดี ไม่มีการเลิกจ้างหรือลดเงินเดือนแต่อย่างใด
การรับมือกับวิจารณ์และแผนอนาคต
เมื่อถูกถามถึงการรับมือกับเสียงวิพากษ์วิจารณ์ น้องพีชกล่าวว่า เธอเข้าใจและยอมรับฟังทุกความคิดเห็น แต่ขอให้เข้าใจมุมมองของผู้ประกอบการด้วย
“เราเข้าใจเสียงวิจารณ์จากสังคม และพร้อมน้อมรับฟังทุกความคิดเห็น แต่ก็อยากให้เข้าใจมุมของผู้ประกอบการที่ต้องต่อสู้ดิ้นรนในยุคที่เศรษฐกิจยากลำบาก การที่เราเลือกใช้วิธีการตลาดสร้างสรรค์ ก็เพื่อความอยู่รอดของธุรกิจและการดูแลพนักงาน” เธอกล่าว
สำหรับแผนในอนาคต น้องพีชเผยว่า จะยังคงใช้กลยุทธ์การตลาดแบบเดิม แต่จะปรับปรุงให้เหมาะสมและชัดเจนมากขึ้น พร้อมทั้งมุ่งเน้นการพัฒนาคุณภาพอาหารและบริการให้ดียิ่งขึ้น
มุมมองของลูกค้าและนักท่องเที่ยว
ผู้สื่อข่าวได้สัมภาษณ์ลูกค้าหลายรายที่มาใช้บริการในวันนั้น พบว่าส่วนใหญ่ให้ความเห็นในเชิงบวก และมีความประทับใจในรสชาติอาหาร
นายสมชาย วงศ์ดี ลูกค้าจากจังหวัดนครราชสีมา กล่าวว่า “ผมมาที่นี่ครั้งที่สาม รสชาติอาหารอร่อยจริง บริการดี ส่วนเรื่องการตลาด ผมคิดว่าเป็นเรื่องของการทำธุรกิจ ตmindเจ้าของร้านก็ต้องหาทางอยู่รอด”
ขณะที่ Ms. Sarah Johnson นักท่องเที่ยวจากออสเตรเลีย กล่าวว่า “อาหารที่นี่อร่อยมาก ฉันมาพัทยาหลายครั้ง แต่ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่มาลองร้านนี้ จะแนะนำเพื่อนๆ ให้มาลองแน่นอน”
บทสรุปและข้อคิด
กรณีของร้านไก่ยกครกพัทยาสะท้อนให้เห็นถึงความท้าทายของผู้ประกอบการในยุคปัจจุบัน ที่ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์ในการทำการตลาดเพื่อความอยู่รอดของธุรกิจ ท่ามกลางการแข่งขันที่รุนแรงและสภาพเศรษฐกิจที่ยากลำบาก
แม้จะมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์บ้าง แต่การที่ร้านยังคงมีลูกค้าแน่นและได้รับการสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง แสดงให้เห็นว่า คุณภาพของอาหารและบริการยังคงเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ลูกค้ากลับมาใช้บริการซ้ำ
สิ่งสำคัญคือ ผู้ประกอบการต้องสร้างสมดุลระหว่างการใช้กลยุทธ์การตลาดที่สร้างสรรค์ กับการรักษาคุณภาพและมาตรฐานความปลอดภัยที่เหมาะสม เพื่อให้ธุรกิจสามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืนและได้รับการยอมรับจากสังคม
กรณีนี้ยังเป็นบทเรียนให้เห็นว่า ในยุคโซเชียลมีเดีย ทุกการกระทำของผู้ประกอบการต้องมีความรอบคอบและพร้อมรับมือกับปฏิกิริยาที่หลากหลายจากสาธารณชน พร้อมทั้งสามารถชี้แจงและสื่อสารกับสังคมได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ที่มา: การสัมภาษณ์เจาะลึกเจ้าของร้านไก่ยกครก สาขาพัทยา และการสำรวจพื้นที่จริง เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2568