เจนเนอเรชัน Z นำเทรนด์ปฏิวัติตลาดสุขภาพโลก มูลค่าพุ่ง 2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ

ข่าวเศรษฐกิจ ฉลาดเลือก - ฉลาดซื้อ

คนรุ่นใหม่เจนเนอเรชัน Z และมิลเลนเนียลกำลังปฏิวัติอุตสาหกรรมสุขภาพและความงาม (Wellness) ทั่วโลกด้วยแนวคิดใหม่ที่ให้ความสำคัญกับ “คุณภาพชีวิตองค์รวม” มากกว่าการแสวงหาความมั่งคั่งทางวัตถุ การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภคครั้งนี้ส่งผลให้ตลาดเวลเนสโลกขยายตัวอย่างก้าวกระโดดจนมีมูลค่าสูงถึง 2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ และคาดว่าจะเติบโตต่อเนื่องในอีกหลายปีข้างหน้า

สุขภาพคือความมั่งคั่งใหม่ของยุคดิจิทัล

ข้อมูลจากรายงาน “Future of Wellness 2025” ของแมคคินซีย์เผยให้เห็นภาพชัดเจนของการเปลี่ยนผ่านครั้งใหญ่นี้ เมื่อเจนเนอเรชัน Z และมิลเลนเนียลเกือบ 30% ระบุว่าพวกเขาให้ความสำคัญกับสุขภาวะมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ซึ่งสูงกว่าคนรุ่นก่อนหน้าที่มีเพียง 23% เท่านั้น

ปรากฏการณ์นี้เกิดขึ้นภายใต้แนวคิด “Health is the new wealth” หรือ “สุขภาพดีคือความมั่งคั่งใหม่” ซึ่งสะท้อนให้เห็นการเปลี่ยนแปลงค่านิยมของคนรุ่นใหม่ที่มองว่าการลงทุนในสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีมีค่ามากกว่าการสะสมทรัพย์สินเงินทอง

ราเห็นการเปลี่ยนแปลงพื้นฐานในการมองคุณค่าของชีวิต คนรุ่นใหม่เข้าใจดีว่าการมีสุขภาพดีทั้งกายและใจจะนำไปสู่ความสำเร็จในด้านอื่นๆ ตามมา ไม่ใช่ไล่ตามความสำเร็จทางการเงินแล้วหวังว่าจะมีความสุขภายหลัง

ความเครียดผลักดันการใส่ใจสุขภาพเชิงรุก

หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ขับเคลื่อนเทรนด์นี้คือระดับความเครียดที่สูงขึ้นของคนรุ่นใหม่ ข้อมูลจากดีลอยต์เผยว่าเจนเนอเรชัน Z และมิลเลนเนียลในประเทศไทยกว่า 62% มีความเครียดทางการเงินและใช้ชีวิตแบบเดือนชนเดือน ความกดดันจากหน้าที่การงาน ค่าครองชีพที่สูงขึ้น และความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ ล้วนเป็นปัจจัยที่ผลักดันให้คนกลุ่มนี้หันมาใส่ใจดูแลตัวเองในเชิงรุกมากขึ้น

“แทนที่จะรอให้เจ็บป่วยแล้วค่อยรักษา คนรุ่นใหม่เลือกลงทุนในการป้องกันและเสริมสร้างสุขภาพตั้งแต่เนื่อนๆ” นายกิตติศักดิ์ มั่นคงเจริญ ประธานสมาคมผู้ประกอบการเวลเนสไทย กล่าว “พวกเขาเข้าใจดีว่าค่ารักษาพยาบาลในอนาคตจะสูงมาก การลงทุนในสุขภาพตอนนี้จึงเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าที่สุด”

สามเสาหลักของตลาดเวลเนสยุคใหม่

ตลาดเวลเนสในปัจจุบันเติบโตอย่างรวดเร็วใน 3 กลุ่มหลักที่เชื่อมโยงกัน ซึ่งสะท้อนความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่

1. โภชนาการเชิงฟังก์ชันและการชะลอวัย

กลุ่มอาหารเสริมและผลิตภัณฑ์โภชนาการที่มีฟังก์ชันเฉพาะเพื่อสุขภาพกำลังเป็นที่นิยมอย่างมาก ตั้งแต่วิตามินเพื่อเสริมภูมิคุ้มกัน โปรไบโอติกส์เพื่อสุขภาพระบบย่อยอาหาร ไปจนถึงผลิตภัณฑ์ต้านอนุมูลอิสระเพื่อชะลอวัย

บริษัทผลิตอาหารเสริมชั้นนำหลายแห่งรายงานการเติบโตของยอดขายในกลุ่มผลิตภัณฑ์เหล่านี้สูงถึง 40-50% ในปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ที่มีการรับรองทางวิทยาศาสตร์และมีส่วนผสมจากธรรมชาติ

2. ความงามที่ผสานกับการดูแลสุขภาพ (Aesthetic Wellness)

เทรนด์ “Beauty from within” หรือ “ความงามจากภายใน” กำลังได้รับความนิยมอย่างสูง ผู้บริโภคไม่เพียงแต่ต้องการดูดีภายนอก แต่ยังต้องการรู้สึกดีภายในด้วย การรวมบริการดูแลผิวพรรณเข้ากับการดูแลสุขภาพองค์รวมจึงกลายเป็นธุรกิจที่เติบโตเร็วที่สุดในอุตสาหกรรมนี้

คลินิกความงามและสปาหลายแห่งเริ่มเพิ่มบริการปรึกษาโภชนาการ การออกแบบโปรแกรมออกกำลังกาย และการดูแลสุขภาพจิตเข้าไปในแพ็กเกจการรักษา เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่ต้องการ “ความงามแบบยั่งยืน”

3. การให้ความสำคัญกับสุขภาพจิต

สุขภาพจิตกลายเป็นประเด็นที่ไม่มีใครเมินเฉยได้อีกต่อไป โดยเฉพาะหลังจากการระบาดของโควิด-19 ที่ทำให้คนทั่วโลกตระหนักถึงความสำคัญของสุขภาพจิตมากขึ้น

แอปพลิเคชันสำหรับการดูแลสุขภาพจิต เช่น แอปฝึกสมาธิ แอปบันทึกอารมณ์ และแพลตฟอร์มให้คำปรึกษาออนไลน์ ล้วนมีผู้ใช้งานเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว บริษัทเทคโนโลยีหลายแห่งรายงานการเติบโตของผู้ใช้งานในแอปเหล่านี้สูงถึง 200-300% ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา

อำนาจซื้อเหนือสัดส่วนของคนรุ่นใหม่

สิ่งที่น่าสนใจคือแม้เจนเนอเรชัน Z และมิลเลนเนียลจะคิดเป็นเพียง 36% ของประชากรวัยผู้ใหญ่ในสหรัฐอเมริกา แต่พวกเขากลับเป็นผู้ขับเคลื่อนการใช้จ่ายด้านเวลเนสสูงถึง 41% ของทั้งตลาด ซึ่งแสดงให้เห็นถึงอำนาจซื้อที่เหนือกว่าสัดส่วนประชากรอย่างมาก

การใช้จ่ายของกลุ่มนี้ไม่ได้เป็นเพียงการซื้อสินค้าเดี่ยวๆ แต่เป็นการลงทุนในระบบนิเวศของการดูแลสุขภาพอย่างครบวงจร ตั้งแต่อุปกรณ์สวมใส่อัจฉริยะเพื่อติดตามสุขภาพ แอปพลิเคชันสุขภาพจิต ผลิตภัณฑ์โภชนาการเชิงฟังก์ชัน ไปจนถึงบริการเสริมความงามเชิงป้องกัน

ตลาดเอเชียแปซิฟิกเติบโตแรงที่สุด

ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก การเติบโตของตลาดเวลเนสยิ่งมีความน่าสนใจมากขึ้น โดยเฉพาะประเทศจีนที่มีผู้บริโภคสูงถึง 94% จัดให้สุขภาพเป็นเรื่องสำคัญหรือสำคัญที่สุดในชีวิต ตามมาด้วยสหรัฐอเมริกาที่ 84% และสหราชอาณาจักรที่ 79%

ในประเทศไทย ตลาดเวลเนสมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่มผลิตภัณฑ์สปาและนวดแผนไทย ท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ และอาหารเสริมสมุนไพร ซึ่งล้วนเป็นจุดแข็งของประเทศที่สามารถแข่งขันในตลาดโลกได้

เทคโนโลยีเป็นตัวเปลี่ยนเกม

การพัฒนาของเทคโนโลยีดิจิทัลเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ทำให้ตลาดเวลเนสเติบโตอย่างรวดเร็ว อุปกรณ์สวมใส่อัจฉริยะ เช่น สมาร์ทวอทช์และฟิตเนสแทร็กเกอร์ ทำให้การติดตามสุขภาพเป็นเรื่องง่ายและสะดวกมากขึ้น

แอปพลิเคชันสุขภาพต่างๆ ใช้ปัญญาประดิษฐ์และการเรียนรู้ของเครื่อง (Machine Learning) ในการวิเคราะห์ข้อมูลสุขภาพส่วนบุคคลและให้คำแนะนำเฉพาะตัว ทำให้ผู้ใช้งานรู้สึกเหมือนมีโค้ชส่วนตัวคอยดูแลอยู่ตลอดเวลา

นายอนุชิต เทคโนโลยีสมาร์ท ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล กล่าวว่า “เทคโนโลยีทำให้การดูแลสุขภาพเป็นเรื่องที่เข้าถึงได้และปรับแต่งตามความต้องการส่วนบุคคลได้มากขึ้น นี่คือจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้คนรุ่นใหม่สามารถดูแลสุขภาพได้อย่างสม่ำเสมอและมีประสิทธิภาพ”

ความยั่งยืนเป็นกุญแจสำคัญ

อีกหนึ่งเทรนด์ที่เห็นได้ชัดในตลาดเวลเนสคือการให้ความสำคัญกับความยั่งยืน ผู้บริโภครุ่นใหม่ไม่เพียงแต่ต้องการผลิตภัณฑ์ที่ดีต่อสุขภาพของตัวเอง แต่ยังต้องการผลิตภัณฑ์ที่ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อมด้วย

แบรนด์เวลเนสที่ประสบความสำเร็จในปัจจุบันจึงต้องใส่ใจทุกขั้นตอนตั้งแต่การจัดหาวัตถุดิบ กระบวนการผลิต ไปจนถึงบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม บริษัทหลายแห่งเริ่มใช้บรรจุภัณฑ์ที่ย่อยสลายได้ทางชีวภาพ หรือสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้

กลยุทธ์ใหม่สำหรับแบรนด์เวลเนส

การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภคครั้งนี้ส่งสัญญาณชัดเจนว่า แบรนด์ที่ต้องการครองใจผู้บริโภคกลุ่มนี้ต้องปรับกลยุทธ์ให้เข้ากับความต้องการใหม่ ความสำเร็จในตลาดเวลเนสยุคใหม่ไม่ได้ขึ้นอยู่กับการขายสินค้าเพียงอย่างเดียว แต่คือการสร้างสรรค์โซลูชันที่ครบวงจรและกลมกลืนไปกับกิจวัตรประจำวันของผู้บริโภค

การสื่อสารที่อิงหลักวิทยาศาสตร์แต่เข้าใจง่าย

ผู้บริโภครุ่นใหม่มีการศึกษาสูงและสามารถเข้าถึงข้อมูลได้ง่าย พวกเขาต้องการข้อมูลที่มีความน่าเชื่อถือทางวิทยาศาสตร์ แต่นำเสนอในรูปแบบที่เข้าใจง่าย แบรนด์ที่ประสบความสำเร็จมักจะมีทีมวิจัยและพัฒนาที่แข็งแกร่ง และสามารถอธิบายประโยชน์ของผลิตภัณฑ์ได้อย่างชัดเจนและน่าเชื่อถือ

การสร้างประสบการณ์ที่เป็นส่วนหนึ่งของไลฟ์สไตล์

แทนที่จะเป็นเพียงผลิตภัณฑ์ที่ซื้อไปใช้ แบรนด์เวลเนสที่ประสบความสำเร็จจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภค ไม่ว่าจะเป็นการสร้างชุมชนออนไลน์ การจัดกิจกรรมที่ส่งเสริมสุขภาพ หรือการให้คำปรึกษาแบบส่วนตัว

การสร้างความภักดีระยะยาว

ธุรกิจเวลเนสที่ยั่งยืนต้องมุ่งเน้นการสร้างความสัมพันธ์ระยะยาวกับลูกค้า มากกว่าการทำกำไรระยะสั้น การให้คำปรึกษา การติดตามผลลัพธ์ และการปรับปรุงผลิตภัณฑ์หรือบริการให้เข้ากับความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไป เป็นกุญแจสำคัญในการสร้างฐานลูกค้าที่แข็งแกร่ง

อนาคตของตลาดเวลเนสไทย

สำหรับประเทศไทย ตลาดเวลเนสมีโอกาสเติบโตอย่างมหาศาลในอนาคต ด้วยทรัพยากรทางธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ ภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทยที่มีมายาวนาน และการเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวของภูมิภาค ทำให้ไทยมีศักยภาพที่จะกลายเป็นฮับเวลเนสของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

รัฐบาลไทยได้ตระหนักถึงโอกาสนี้และได้ประกาศให้อุตสาหกรรมเวลเนสเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมเป้าหมายที่จะผลักดันอย่างจริงจัง พร้อมทั้งจัดตั้งกองทุนพัฒนาอุตสาหกรรมเวลเนสและให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีแก่ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมนี้

ความท้าทายที่ต้องเผชิญ

แม้ตลาดเวลเนสจะมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง แต่ก็มีความท้าทายหลายประการที่ผู้ประกอบการต้องเผชิญ ไม่ว่าจะเป็นการแข่งขันที่รุนแรงขึ้น ความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การควบคุมคุณภาพและมาตรฐานที่เข้มงวดขึ้น และความจำเป็นในการลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง

นายประยุทธ เวลเนสเอ็กซ์เพิร์ท ผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาดเวลเนส เตือนว่า “ผู้ประกอบการต้องระวังไม่ให้ตกอยู่ในกับดักของการแข่งขันด้วยราคาเพียงอย่างเดียว การสร้างมูลค่าเพิ่มและการแยกตัวออกจากคู่แข่งด้วยนวัตกรรมและบริการที่เหนือชั้นจึงเป็นสิ่งสำคัญ”

บทสรุป: การลงทุนเพื่ออนาคตที่ยั่งยืน

การเติบโตของตลาดเวลเนสที่ขับเคลื่อนโดยเจนเนอเรชัน Z และมิลเลนเนียลไม่ใช่เพียงแค่เทรนด์ชั่วคราว แต่เป็นการเปลี่ยนแปลงพื้นฐานในวิธีการมองและการใช้ชีวิตของมนุษย์ การให้ความสำคัญกับสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีกลายเป็นการลงทุนที่สำคัญที่สุดสำหรับอนาคตที่ยั่งยืน

ในยุคที่ความไม่แน่นอนและความเครียดเป็นเรื่องปกติ การดูแลสุขภาพอย่างครบวงจรไม่ใช่ความฟุ่มเฟือย แต่เป็นความจำเป็น แบรนด์และผู้ประกอบการที่เข้าใจและตอบสนองความต้องการนี้ได้ดี จะเป็นผู้ที่ประสบความสำเร็จในตลาดมูลค่าหลายล้านล้านดอลลาร์นี้

ตลาดเวลเนสของอนาคตจะเป็นตลาดที่เน้นการสร้างคุณค่าแท้จริงให้กับผู้บริโภค ไม่ใช่การขายความหวังเท่านั้น และการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้อาจเป็นจุดเริ่มต้นของการปฏิวัติวิธีการใช้ชีวิตของมนุษยชาติในศตวรรษที่ 21