เศร้าสลด! นักเรียน ม.4 ชาย คิดสั้น “ผูกคอตาย” เพราะรถจักรยานยนต์ขวัญใจมีรอย หลังชนสุนัขแล้วล้มคว่ำ

ข่าวอาชญากรรม ภัยสังคม บุรีรัมย์

วันที่ 19 กรกฎาคม 2568 ร้อยตำรวจโทอำพล ไพโรจน์ ด้ายรินรัมย์ รองสารวัตรสอบสวน สถานีตำรวจภูธรชุมแสง อำเภอสตึก จังหวัดบุรีรัมย์ ได้รับแจ้งเหตุการณ์ผิดปกติจากเจ้าหน้าที่ในพื้นที่เมื่อเวลาประมาณ 14.00 น. โดยมีรายงานว่ามีผู้เสียชีวิตภายในบ้านพักแห่งหนึ่งในเขตอำเภอสตึก

เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบว่าภายในห้องนอนชั้นบนของบ้านพักหลังดังกล่าว มีร่างไร้วิญญาณของเด็กหนุ่มที่มีชื่อเล่นว่า “น้องภูมิ” อายุ 16 ปี นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 แห่งโรงเรียนในท้องถิ่น ซึ่งใช้เชือกไนลอนสีขาวผูกคอแขวนอยู่กับคานไม้ภายในห้อง

จากการตรวจสอบเบื้องต้นของเจ้าหน้าที่ตำรวจและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พบว่าผู้เสียชีวิตมีร่องรอยบาดแผลถลอกเล็กน้อยบริเวณหัวเข่าขวา ซึ่งคาดว่าเป็นบาดแผลที่เกิดขึ้นจากเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ยังประเมินว่าผู้เสียชีวิตได้เสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 3 ชั่วโมง ก่อนที่จะถูกค้นพบ

ภูมิหลังของครอบครัวและสภาพความเป็นอยู่

น้องภูมิเป็นเด็กหนุ่มที่มีภูมิหลังครอบครัวที่ไม่ค่อยจะสมบูรณ์นัก โดยได้สูญเสียพ่อไปแล้วเมื่อหลายปีที่ผ่านมา ส่วนมารดาของเขาได้แต่งงานใหม่และมีครอบครัวใหม่ ทำให้น้องภูมิต้องมาอาศัยอยู่กับคุณตาและป้าของเขาตั้งแต่ยังเป็นเด็กเล็ก

ป้าของน้องภูมิ ซึ่งเป็นผู้ที่ดูแลเลี้ยงดูเขามาโดยตลอด ได้ให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า หลานชายของเธอเป็นเด็กที่มีนิสัยขยันหมั่นเพียร ใส่ใจในการเรียน และมีผลการเรียนที่ดี ไม่เคยสร้างปัญหาให้กับครอบครัวหรือโรงเรียน เป็นเด็กที่มีความรับผิดชอบและเชื่อฟังผู้ใหญ่

“หลานเป็นเด็กดี ขยันเรียน ไม่เคยทำอะไรให้เราต้องกังวล” ป้าของน้องภูมิเล่าด้วยน้ำเสียงเศร้าโศก “เขาจะช่วยงานบ้านเสมอ และยังคอยดูแลคุณตาด้วย เป็นหลานที่น่ารักมาก”

รถจักรยานยนต์ของขวัญพิเศษ

ช่วงต้นปีการศึกษา ป้าของน้องภูมิได้ตัดสินใจซื้อรถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นเวฟ สีน้ำเงินดำ ให้เป็นของขวัญแก่หลานชาย เพื่อใช้เป็นพาหนะในการเดินทางไปโรงเรียน ซึ่งอยู่ห่างจากบ้านพอสมควร การมีรถจักรยานยนต์ส่วนตัวนี้ทำให้น้องภูมิสามารถเดินทางไปมาได้สะดวกขึ้น และไม่ต้องรบกวนผู้ใหญ่ในครอบครัว

“ตอนแรกก็ลังเลว่าจะซื้อให้หรือไม่ เพราะกลัวว่าจะไม่ปลอดภัย แต่ดูเขาขยันเรียน และโรงเรียนก็ไกล เลยตัดสินใจซื้อให้” ป้าเล่าให้ฟัง “หลานดีใจมากเวลาได้รถคันนี้ จะดูแลรักษาเป็นอย่างดี”

น้องภูมิมีความรักและผูกพันกับรถจักรยานยนต์คันนี้อย่างมาก เขาจะใช้เวลาทุกวันอาทิตย์ในการล้างรถและดูแลรักษา ทำความสะอาดทุกส่วนอย่างพิถีพิถัน รถจักรยานยนต์คันนี้ไม่เพียงแต่เป็นพาหนะสำหรับเขาเท่านั้น แต่ยังเป็นสัญลักษณ์ของความรักและความเมตตาที่ป้าและคุณตามีให้กับเขา

เหตุการณ์อุบัติเหตุที่เปลี่ยนทุกอย่าง

เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2568 ช่วงเวลาเย็น น้องภูมิได้ขี่รถจักรยานยนต์กลับจากโรงเรียนตามปกติ แต่ระหว่างทางกลับบ้าน เกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดขึ้น เมื่อมีสุนัขตัวหนึ่งวิ่งออกมาตัดหน้ารถของเขาอย่างกะทันหัน

น้องภูมิที่กำลังขี่รถมาด้วยความเร็วปกติ ไม่สามารถหลบหรือหยุดรถได้ทันท่วงที จึงเกิดการชนกับสุนัขตัวดังกล่าว ส่งผลให้รถจักรยานยนต์เสียการทรงตัวและล้มคว่ำลงข้างทาง น้องภูมิก็ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยบริเวณหัวเข่าขวา แต่โชคดีที่ไม่ได้รับบาดเจ็บสาหัส

หลังจากเหตุการณ์ น้องภูมิได้ลุกขึ้นและตรวจสอบสภาพรถจักรยานยนต์ของเขา พบว่ารถมีความเสียหายที่เห็นได้ชัด โดยเฉพาะบริเวณด้านขวาของรถมีร่องรอยการถลอก และกระจกมองข้างด้านขวาแตกชำรุด แม้ว่าความเสียหายจะไม่ถึงขั้นร้ายแรง แต่สำหรับน้องภูมิที่รักรถคันนี้มาก การเห็นรถที่ป้าซื้อให้มีความเสียหายเป็นรอยแผลใน ทำให้เขารู้สึกเสียใจและผิดหวังอย่างมาก

การค้นพบความผิดปกติ

เมื่อเช้าวันที่ 19 กรกฎาคม 2568 ป้าของน้องภูมิได้ออกมาตรวจสอบรถจักรยานยนต์ตามปกติ แต่กลับพบว่ารถมีร่องรอยการเสียหายที่ไม่เคยเห็นมาก่อน เมื่อถามหาน้องภูมิ กลับพบว่าเขาไม่ได้ออกมาจากห้องนอนตามปกติ

“ตอนเช้าฉันเห็นรถมีรอยถลอก กระจกก็แตก ใจก็เต้นแรงทันที” ป้าเล่าถึงช่วงเวลาที่เธอค้นพบความผิดปกติ “รีบวิ่งไปหาหลาน แต่ห้องล็อก เรียกไม่ตอบ จนกระทั่งต้องพังประตูเข้าไป แล้วก็เจอเขาแบบนั้น”

เพื่อนๆ ของน้องภูมิที่ได้รับการสอบถามจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า เมื่อวานน้องภูมิได้เล่าให้ฟังเรื่องที่เกิดขึ้นกับรถจักรยานยนต์ของเขา และแสดงออกถึงความเสียใจอย่างมาก โดยเฉพาะการที่รถที่ป้ารักเขาซื้อให้ต้องมาเป็นรอยเพราะความประมาทของเขาเอง

การวิเคราะห์เหตุจูงใจของการสิ้นหวัง

ตามการให้การของครอบครัวและเพื่อนๆ ใกล้ชิด เจ้าหน้าที่ตำรวจได้วิเคราะห์เหตุจูงใจที่อาจเป็นสาเหตุของการตัดสินใจครั้งสุดท้ายของน้องภูมิ โดยเชื่อว่า ความรู้สึกผิด ความเสียใจ และความกลัวที่จะถูกตำหนิจากครอบครัว อาจเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เขาตัดสินใจคิดสั้น

“หลานคงน้อยใจและเสียใจมากที่ทำรถคันโปรดเป็นรอย” ป้าของน้องภูมิวิเคราะห์ด้วยน้ำเสียงที่เศร้าโศก “เขาอาจจะกลัวว่าเราจะโกรธ หรือตำหนิเขา แต่เราไม่เคยคิดจะโกรธเขาเลย รถเสียแล้วซ่อมได้ แต่คนเสียแล้วไม่มีทางกลับมาแล้ว”

สำหรับวัยรุ่นที่อยู่ในช่วงพัฒนาการทางอารมณ์และจิตใจ การเผชิญกับปัญหาที่ผู้ใหญ่อาจมองว่าเป็นเรื่องเล็ก อาจกลายเป็นปัญหาใหญ่ที่ทำให้รู้สึกสิ้นหวังได้ โดยเฉพาะเมื่อมีความกดดันทางจิตใจจากการรู้สึกผิดและความกลัวการถูกตำหนิ

คำให้การของคุณตาผู้สูงอายุ

คุณตาของน้องภูมิ วัย 70 ปี ซึ่งเป็นผู้ที่ช่วยเลี้ยงดูหลานชายมาตั้งแต่เด็ก ได้ให้การเพิ่มเติมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วยความโศกเศร้าและความไม่เข้าใจในการกระทำของหลาน

“ไม่คิดเลยว่าเรื่องแค่นี้จะทำให้หลานน้อยใจถึงขั้นคิดสั้น” คุณตากล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “เขาเป็นเด็กดี ไม่เคยทำอะไรผิด ถ้าเขายังอยู่ เราคงบอกเขาได้ว่า รถเสียแล้วซ่อมได้ แต่ตอนนี้สายไปแล้ว”

คุณตายังเล่าเพิ่มเติมว่า น้องภูมิเป็นเด็กที่มีความรับผิดชอบสูง และมักจะกังวลมากเกินไปเมื่อเกิดปัญหาต่างๆ ซึ่งอาจเป็นลักษณะนิสัยที่ทำให้เขาไม่สามารถรับมือกับความเครียดและความกดดันได้เป็นอย่างดี

การยืนยันสภาพจิตใจและประวัติการรักษา

ครอบครัวของน้องภูมิได้ยืนยันกับเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างแน่วแน่ว่า หลานชายของพวกเขาไม่เคยมีประวัติการเจ็บป่วยทางจิตใจ ไม่เคยได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคซึมเศร้า และไม่เคยแสดงพฤติกรรมที่บ่งบอกถึงความผิดปกติทางจิตใจมาก่อน

“หลานไม่เคยป่วยซึมเศร้า ไม่เคยมีปัญหาทางจิตใจ” ป้าย้ำให้เจ้าหน้าที่ฟัง “เขาเป็นเด็กปกติ มีความสุข มีเพื่อน มีกิจกรรมต่างๆ ที่ชอบทำ ไม่มีใครคาดคิดว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น”

การที่น้องภูมิไม่มีประวัติปัญหาสุขภาพจิต ทำให้เหตุการณ์ครั้งนี้ยิ่งเป็นเรื่องที่น่าเศร้าและไม่คาดคิด แสดงให้เห็นว่าแม้แต่เด็กที่ดูปกติและมีความสุข ก็อาจเผชิญกับช่วงเวลาที่สิ้นหวังและตัดสินใจผิดพลาดได้

ความเศร้าโศกและการยอมรับของครอบครัว

ครอบครัวของน้องภูมิแสดงความเศร้าโศกอย่างหนัก แต่ก็ไม่ได้ติดใจหรือสงสัยในสาเหตุการเสียชีวิตของหลาน พวกเขายอมรับในสิ่งที่เกิดขึ้น และเข้าใจว่านี่คือการตัดสินใจของหลานชายที่เกิดจากความรู้สึกสิ้นหวังชั่วขณะ

“เราไม่ติดใจในสาเหตุ เราเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น” ป้าของน้องภูมิกล่าว “เราแค่เสียใจมากที่เสียหลานไป และเสียใจที่เราไม่ได้มีโอกาสบอกเขาว่า เรื่องแค่นี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่ เราไม่เคยโกรธเขา”

ทางครอบครัวได้ขอความร่วมมือจากสื่อมวลชนในการรักษาความเป็นส่วนตัว และหวังว่าเหตุการณ์นี้จะเป็นบทเรียนให้กับครอบครัวอื่นๆ ในการดูแลและสื่อสารกับเด็กวัยรุ่นให้มากขึ้น

ขั้นตอนการสืบสวนและการชันสูตรศพ

เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการตรวจสอบและรวบรวมหลักฐานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์อย่างละเอียด โดยได้สัมภาษณ์ญาติใกล้ชิด เพื่อนๆ และผู้ที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ครบถ้วนและชัดเจน

ตามขั้นตอนของกฎหมาย เจ้าหน้าที่ตำรวจจะต้องส่งศพของน้องภูมิไปยังสถาบันการแพทย์นิติเวชเพื่อทำการชันสูตรศพ เพื่อยืนยันสาเหตุการเสียชีวิตอย่างเป็นทางการ แม้ว่าการตรวจสอบเบื้องต้นจะชี้ให้เห็นแล้วว่าเป็นการฆ่าตัวตาย

“เราจะดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายให้ครบถ้วน” ร้อยตำรวจโทอำพล ไพโรจน์ แจ้งให้ครอบครัวทราบ “หลังจากการชันสูตรเสร็จสิ้น เราจะส่งมอบศพให้ครอบครัวเพื่อจัดการประกอบพิธีทางศาสนาต่อไป”

บทเรียนและข้อคิดสำหรับสังคม

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับน้องภูมิ เป็นบทเรียนสำคัญที่สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของการสื่อสารและการเข้าใจจิตใจของเด็กวัยรุ่น โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่พวกเขาเผชิญกับปัญหาหรือความผิดพลาด

นักจิตวิทยาและผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาเด็กและวัยรุ่น ได้ให้ความเห็นว่า ผู้ปกครองและครอบครัวควรสร้างบรรยากาศที่เปิดกว้างสำหรับการสื่อสาร ทำให้เด็กๆ รู้สึกปลอดภัยที่จะเล่าปัญหาหรือความผิดพลาดต่างๆ โดยไม่ต้องกลัวการถูกตำหนิหรือลงโทษ

การเสียชีวิตของน้องภูมิ แม้จะเป็นเหตุการณ์ที่น่าเศร้า แต่ก็เป็นการเตือนใจให้สังคมตระหนักถึงความสำคัญของการดูแลสุขภาพจิตของเด็กและวัยรุ่น รวมถึงการสร้างสภาพแวดล้อมที่สนับสนุนให้พวกเขาสามารถเผชิญกับปัญหาและความท้าทายต่างๆ ได้อย่างเหมาะสม

เหตุการณ์นี้ยังเป็นการย้ำเตือนว่า บางครั้งสิ่งที่ผู้ใหญ่มองว่าเป็นเรื่องเล็ก อาจเป็นเรื่องใหญ่สำหรับเด็กวัยรุ่น และการให้การสนับสนุนทางอารมณ์ที่เหมาะสม อาจช่วยป้องกันโศกนาटกรรมแบบนี้ได้

ครอบครัวของน้องภูมิหวังว่า การเสียชีวิตของหลานจะไม่เป็นเพียงแค่ข่าวสารที่ผ่านไป แต่จะเป็นบทเรียนที่ทำให้ครอบครัวอื่นๆ ให้ความสำคัญกับการดูแลและเข้าใจจิตใจของลูกหลานมากขึ้น เพื่อป้องกันไม่ให้เหตุการณ์โศกนาฏกรรมแบบนี้เกิดขึ้นอีก