หนูน้อยวัย 5 ขวบกอดศพพ่อหลายชั่วโมง ด้วยสภาพหิวโซไม่ได้รับประทานอาหารมาหลายวัน

กรุงเทพมหานคร ข่าวอาชญากรรม ภัยสังคม

วันที่ 3 มิถุนายน 2568 เวลา 10.00 น. ณ ซอยสุขุมวิท 93 ซอยพึงมี 30 แขวงบางจาก เขตพระโขนง กรุงเทพมหานคร เกิดเหตุการณ์ที่ทำให้หลายคนต้องสะเทือนใจ เมื่อเด็กหญิงวัย 5 ขวบ ถูกพบในสภาพนอนกอดศพของพ่อที่เสียชีวิตแล้วเป็นเวลาหลายชั่วโมง โดยตัวเด็กอยู่ในสภาพทรุดโทรม หิวโซ ไม่ได้รับประทานอาหารมาหลายวัน

นายธราทร เกตุลอย อายุ 36 ปี เจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิร่วมกตัญญู เล่าถึงช่วงเวลาที่ได้รับแจ้งเหตุว่า “ขณะนั้นผมกำลังอยู่ที่บ้าน มีเพื่อนบ้านมาบอกให้ไปดูพี่คนหนึ่งที่ป่วยอยู่บริเวณกลางซอย ผมเลยรีบไปที่เกิดเหตุทันที เมื่อไปถึงก็พบเห็นหนูน้อยวัย 5 ขวบเศษ กำลังนอนกอดพ่อที่นอนเสียชีวิตอยู่”

นายธราทรกล่าวต่อว่า ตอนแรกทีมกู้ภัยได้ตะโกนเรียกหลายครั้ง แต่ไม่มีการตอบสนองจากผู้ป่วย จึงได้เข้าไปเขย่าตัว แต่กลับพบว่าร่างกายเย็นชาแล้ว จึงประเมินว่าน่าจะเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 5-6 ชั่วโมง

“หลังจากนั้นพวกเราก็ดำเนินการกล่อมหนูน้อยให้ออกมาจากบริเวณนั้น และรีบหาอาหารและน้ำดื่มให้เด็ก ตอนที่เราให้น้ำดื่มกับน้อง รู้สึกได้ว่าน้องคงไม่ได้กินอะไรมาหลายวัน เพราะการดื่มน้ำของน้องเหมือนคนที่กระหายน้ำมาก ดื่มอย่างรวดเร็วและกระหาย” นายธราทรเล่า

การตรวจสอบและดำเนินการของเจ้าหน้าที่

เมื่อแพทย์ชันสูตรศพเข้ามาตรวจสอบ พบว่าผู้เสียชีวิตเสียชีวิตจากการป่วย ไม่ใช่จากเหตุการณ์ที่ผิดปกติ จึงได้มอบศพให้ญาติไปบำเพ็ญกุศลตามพิธีกรรมทางศาสนา โดยทีมกู้ภัยได้ช่วยเหลือในด้านการฌาปนกิจที่วัดราษฎร์ศรัทธาธรรม ซอยสุขุมวิท 9 แขวงบางจาก เขตพระโขนง

นายธราทรกล่าวด้วยความซาบซึ้งว่า “จากการที่เราเห็นภาพแรกในที่เกิดเหตุนั้น รู้สึกหดหู่มาก แม้ว่าเราจะเคยช่วยเหลือคนมาแล้วหลายเคส แต่พอมาเห็นเคสนี้ รู้สึกหดหู่แบบที่บอกไม่ถูก”

ประวัติและความเป็นมาของครอบครัว

ป้าและลูกพี่ลูกน้องของผู้เสียชีวิต ซึ่งเป็นญาติใกล้ชิดที่ดูแลเด็กอยู่เป็นประจำ ได้เล่าถึงความเป็นมาของครอบครัวว่า ผู้เสียชีวิตเดิมทำงานรับจ้างทั่วไปและเก็บขวดขาย หลังจากมีความสัมพันธ์กับแฟนสาว ก็มีลูกด้วยกันหนึ่งคน คือเด็กหญิงที่ถูกพบในเหตุการณ์นี้

“เขาเลี้ยงดูลูกมาตลอด แม่เด็กไม่ได้มาดูแล มีแต่ฉันกับลูกสาวช่วยกันดูแลหาข้าวหาปลาให้กิน เด็กคนนี้ติดพ่อมาก เลยลำบากนิดหน่อยในการดูแล เวลาพ่อเขาไปข้างนอก เราก็คอยจับเด็กมาอาบน้ำและหาอาหารให้กิน” ป้าของเด็กเล่า

ป้าเล่าต่อว่า “พอพ่อเขาล้มป่วยลง เราก็มาช่วยดูแลเพิ่มเติม ทั้งที่ตัวเราเองก็อายุเยอะแล้ว ลูกสาวก็ต้องทำงานออกไปหาเงิน เลยไม่ค่อยมีเวลาดูแล ส่วนใหญ่เด็กจะอยู่กับพ่อตลอดเวลา จนวันที่พ่อเสียชีวิต เด็กยังคงนอนกอดอยู่อย่างที่เห็น”

สภาพความเป็นอยู่และปัญหาเศรษฐกิจ

จากการสัมภาษณ์ญาติของผู้เสียชีวิต พบว่าครอบครัวนี้ประสบปัญหาทางเศรษฐกิจอย่างหนัก โดยเฉพาะในช่วงที่ผู้เสียชีวิตป่วยลง ทำให้ไม่สามารถออกไปหาเงินได้ตามปกติ ส่งผลให้การดูแลเด็กเป็นไปอย่างลำบาก

“เราไม่ได้ทอดทิ้งเด็กนะ แต่ภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ เราก็ยังไม่มีรายได้เพียงพอ จึงต้องพึ่งพาทางเจ้าหน้าที่พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ให้ช่วยดูแลไปก่อน หากวันหน้าเรามีเงิน เราก็จะไปรับเด็กมาเลี้ยงเหมือนเดิม” ป้าของเด็กกล่าวด้วยน้ำเสียงเศร้าโศก

การช่วยเหลือจากหน่วยงานภาครัฐ

หลังจากได้รับแจ้งเหตุ เจ้าหน้าที่จากกรมพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ได้เข้ามาดำเนินการช่วยเหลือเด็กอย่างเร่งด่วน โดยนำเด็กไปรับการดูแลในสถานสงเคราะห์เด็กเป็นการชั่วคราว เพื่อให้ได้รับการดูแลที่เหมาะสมและได้รับอาหารและน้ำอย่างเพียงพอ

เจ้าหน้าที่ พม. ระบุว่า การช่วยเหลือในครั้งนี้จะดำเนินการอย่างรวดเร็ว เนื่องจากเด็กอยู่ในสภาพที่จำเป็นต้องได้รับการดูแลอย่างเร่งด่วน ทั้งในด้านสุขภาพกายและสุขภาพจิต

ผลกระทบทางจิตใจต่อเด็ก

จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยาเด็กระบุว่า การที่เด็กวัยเพียง 5 ขวบต้องเผชิญกับการสูญเสียบิดาและต้องอยู่กับศพเป็นเวลาหลายชั่วโมง อาจส่งผลกระทบต่อสภาพจิตใจของเด็กในระยะยาว

ดังนั้น การให้การช่วยเหลือจึงไม่ใช่เพียงแค่การดูแลในด้านร่างกายเท่านั้น แต่ยังต้องมีการดูแลสุขภาพจิตและการให้คำปรึกษาทางจิตวิทยาเพื่อช่วยให้เด็กสามารถผ่านพ้นช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้ไปได้

การดำเนินการในอนาคต

เจ้าหน้าที่ พม. แจ้งว่า จะมีการประเมินสถานการณ์ของญาติที่จะรับเด็กไปดูแล รวมถึงความพร้อมทั้งในด้านการเงินและการดูแล หากญาติมีความพร้อมเพียงพอ เด็กก็จะได้กลับไปอยู่กับครอบครัว แต่หากยังไม่พร้อม จะมีการหาครอบครัวอุปถัมภ์หรือสถานสงเคราะห์ที่เหมาะสมเพื่อดูแลเด็กต่อไป

ข้อคิดเห็นจากสังคม

เหตุการณ์นี้ได้สร้างความตระหนักในสังคมเกี่ยวกับปัญหาของครอบครัวที่ประสบความยากลำบากทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะครอบครัวเดี่ยวที่มีผู้ปกครองเพียงคนเดียว และไม่มีระบบสนับสนุนที่เพียงพอ

ผู้เชี่ยวชาญด้านสวัสดิการสังคมชี้ให้เห็นว่า กรณีนี้สะท้อนให้เห็นถึงช่องว่างในระบบสวัสดิการสังคมที่ยังไม่สามารถเข้าถึงกลุ่มเปราะบางได้อย่างมีประสิทธิภาพ และจำเป็นต้องมีการปรับปรุงระบบการติดตามและช่วยเหลือให้ดีขึ้น

บทบาทของชุมชนและเพื่อนบ้าน

จากเหตุการณ์นี้ยังสะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของบทบาทชุมชนและเพื่อนบ้านในการดูแลซึ่งกันและกัน หากไม่มีเพื่อนบ้านที่มาแจ้งให้ทีมกู้ภัย เด็กหญิงคนนี้อาจต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่เลวร้ายยิ่งกว่านี้

การที่ชุมชนมีส่วนร่วมในการดูแลสมาชิกที่เปราะบาง จึงเป็นสิ่งสำคัญที่ควรได้รับการส่งเสริมและสนับสนุนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

มาตรการป้องกันในอนาคต

เพื่อป้องกันไม่ให้เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นอีก ผู้เชี่ยวชาญเสนอแนะให้มีการพัฒนาระบบการติดตามและช่วยเหลือครอบครัวเปราะบางอย่างเป็นระบบ รวมถึงการสร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่างชุมชน หน่วยงานภาครัฐ และองค์กรเอกชน

นอกจากนี้ ยังควรมีการให้ความรู้และการฝึกอบรมแก่ชุมชนในการดูแลและติดตามสถานการณ์ของครอบครัวที่อาจมีปัญหา เพื่อให้สามารถให้ความช่วยเหลือได้อย่างทันท่วงที

การสนับสนุนจากประชาชน

หลังจากข่าวนี้แพร่ออกไป มีประชาชนหลายคนแสดงความต้องการที่จะช่วยเหลือเด็กหญิงคนนี้ ทั้งในรูปแบบของการบริจาคเงิน อาหาร และเสื้อผ้า รวมถึงการเสนอตัวเป็นครอบครัวอุปถัมภ์

เจ้าหน้าที่ พม. ระบุว่า จะรับการสนับสนุนจากประชาชนอย่างโปร่งใสและนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อเด็ก โดยจะมีการติดตามและรายงานผลการใช้งบประมาณดังกล่าวต่อสาธารณะ

ข้อเสนอแนะจากผู้เชี่ยวชาญ

ผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาเด็กแนะนำว่า การดูแลเด็กที่ประสบเหตุการณ์เช่นนี้ จำเป็นต้องมีการดูแลแบบองค์รวม ทั้งด้านร่างกาย จิตใจ และการศึกษา เพื่อให้เด็กสามารถเติบโตขึ้นมาเป็นสมาชิกที่ดีของสังคม

การให้ความรักความอบอุ่น และการสร้างความมั่นคงในชีวิต จะเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้เด็กสามารถเยียวยาจิตใจจากเหตุการณ์เลวร้ายที่เกิดขึ้นได้

บทสรุป

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งนี้ เป็นเหตุการณ์ที่สะเทือนใจและสร้างความตระหนักในสังคมเกี่ยวกับปัญหาของครอบครัวที่ประสบความยากลำบาก แม้ว่าจะเป็นเหตุการณ์ที่โศกเศร้า แต่ก็แสดงให้เห็นถึงความเมื่อมเหมียงและความพร้อมช่วยเหลือของคนในสังคม

การที่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องเข้ามาช่วยเหลืออย่างรวดเร็ว แสดงให้เห็นว่าระบบการช่วยเหลือของประเทศยังมีประสิทธิภาพ แต่ก็ยังมีความจำเป็นที่ต้องพัฒนาให้ดีขึ้นเพื่อป้องกันไม่ให้เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นอีก

สิ่งสำคัญที่สุดในขณะนี้คือ การดูแลเด็กหญิงคนนี้ให้ได้รับความรักความอบอุ่น และโอกาสในการเติบโตที่ดี เพื่อให้เธอสามารถมีอนาคตที่สดใสต่อไป ทั้งนี้ เหตุการณ์นี้ควรเป็นบทเรียนสำคัญให้สังคมไทยในการดูแลสมาชิกที่เปราะบางให้ดีขึ้นในอนาคต