วันอาทิตย์ที่ 4 พฤษภาคม 2568 กระทรวงแรงงานได้ประกาศมาตรการสำคัญที่จะช่วยเปลี่ยนชีวิตของผู้ใช้แรงงานไทยหลายล้านคน นายภูมิพัฒน์ เหมือนจันทร์ โฆษกกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า กระทรวงแรงงานได้มอบของขวัญวันแรงงานแห่งชาติประจำปี 2568 ด้วยการเปิดโอกาสให้ทั้งนายจ้างและลูกจ้างสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนดอกเบี้ยต่ำจากกองทุนประกันสังคม โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความมั่นคงทางอาชีพและกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากของประเทศ
โครงการเพิ่มโอกาสเข้าถึงแหล่งเงินทุนอาชีพดอกเบี้ยต่ำ
มาตรการสำคัญที่ประกาศในครั้งนี้คือ "โครงการเพิ่มโอกาสเข้าถึงแหล่งเงินทุนอาชีพดอกเบี้ยต่ำ" ซึ่งเปิดโอกาสให้กลุ่มลูกจ้างและแรงงานอิสระที่เป็นผู้ประกันตนในระบบประกันสังคมตามมาตรา 33, 39 และ 40 สามารถกู้เงินเพื่อพัฒนาอาชีพเสริมหรือเริ่มต้นธุรกิจของตนเองได้ โดยกระทรวงแรงงานได้จัดเตรียมวงเงินสูงถึง 100,000 ล้านบาทสำหรับโครงการนี้โดยเฉพาะ
นโยบายนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้ใช้แรงงาน เนื่องจากในสภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน รายได้จากงานประจำเพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอต่อการดำรงชีพ การมีอาชีพเสริมจึงเป็นทางออกสำคัญที่จะช่วยให้แรงงานไทยมีรายได้เพิ่มขึ้นและมีโอกาสพัฒนาตนเองสู่การเป็นผู้ประกอบการในอนาคต
มาตรการเพื่อนายจ้าง: ประคับประคองธุรกิจและรักษาการจ้างงาน
นอกจากมาตรการสำหรับลูกจ้างแล้ว กระทรวงแรงงานยังได้มีนโยบายสนับสนุนกลุ่มนายจ้างที่กำลังประสบปัญหาสภาพคล่องทางการเงิน โดยเปิดโอกาสให้สามารถกู้ยืมเงินดอกเบี้ยต่ำเริ่มต้นเพียง 2.35% ต่อปี และอัตราดอกเบี้ยจะคงที่เป็นเวลา 3 ปี ซึ่งถือว่าต่ำกว่าอัตราดอกเบี้ยในท้องตลาดอย่างมีนัยสำคัญ โดยกระทรวงแรงงานได้จัดสรรวงเงิน 20,000 ล้านบาทสำหรับมาตรการนี้
วัตถุประสงค์หลักคือการช่วยเหลือผู้ประกอบการให้สามารถประคับประคองธุรกิจในช่วงเศรษฐกิจผันผวน และที่สำคัญคือการรักษาการจ้างงาน ป้องกันการเลิกจ้างพนักงาน ซึ่งจะส่งผลกระทบเป็นวงกว้างต่อระบบเศรษฐกิจโดยรวม ทั้งนี้ กระทรวงแรงงานอยู่ระหว่างการผลักดันความร่วมมือกับธนาคารพันธมิตรและจะประกาศรายละเอียดเพิ่มเติมในเร็วๆ นี้
การตอบสนองต่อข้อเรียกร้องของผู้ใช้แรงงาน
นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ได้แสดงความใส่ใจต่อข้อเรียกร้องของผู้ใช้แรงงานที่ได้เสนอต่อรัฐบาลในวันแรงงานแห่งชาติ 1 พฤษภาคม 2568 ที่ผ่านมา โดยได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานในสังกัดกระทรวงแรงงานนำข้อเรียกร้องเหล่านั้นไปพิจารณาอย่างเร่งด่วน
หลายประเด็นที่ผู้ใช้แรงงานเรียกร้องนั้น กระทรวงแรงงานได้ดำเนินการไปแล้วบางส่วน เช่น การเสนอแก้ไขร่างพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์และร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงานต่อคณะรัฐมนตรี โดยมีเป้าหมายเพื่อนำไปสู่การรับรองอนุสัญญาองค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ILO) ฉบับที่ 87 และ 98 ซึ่งเกี่ยวข้องกับเสรีภาพในการสมาคมและการคุ้มครองสิทธิในการรวมตัวและเจรจาต่อรองร่วม
นอกจากนี้ ยังมีการแต่งตั้งคณะกรรมการติดตามเรื่องร้องทุกข์และร้องเรียนของกระทรวงแรงงาน เพื่อให้ผู้ใช้แรงงานสามารถเข้าถึงกระบวนการยุติธรรมได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมถึงการศึกษารูปแบบกองทุนประกันความเสี่ยงกรณีเลิกจ้าง เพื่อเป็นหลักประกันให้กับผู้ใช้แรงงานที่อาจถูกเลิกจ้างในอนาคต
การปรับปรุงสิทธิประโยชน์และความยั่งยืนของกองทุนประกันสังคม
อีกหนึ่งประเด็นสำคัญที่อยู่ระหว่างการดำเนินการคือการปรับปรุงสิทธิประโยชน์สำหรับผู้ประกันตนในระบบประกันสังคม โดยมุ่งเน้นการสร้างความยั่งยืนของกองทุนประกันสังคมในระยะยาว ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญของระบบความมั่นคงทางสังคมของประเทศไทย
หากพิจารณาจากสถานการณ์ปัจจุบัน ระบบประกันสังคมของไทยจำเป็นต้องมีการปรับตัวเพื่อรองรับกับการเปลี่ยนแปลงของโครงสร้างประชากรที่กำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ รวมถึงรูปแบบการทำงานที่เปลี่ยนแปลงไปในยุคดิจิทัล โดยเฉพาะการเพิ่มขึ้นของแรงงานอิสระและแรงงานแพลตฟอร์ม (Platform Workers) ที่อาจไม่ได้รับความคุ้มครองอย่างเพียงพอในระบบประกันสังคมแบบเดิม
ผลกระทบต่อเศรษฐกิจและคุณภาพชีวิตของแรงงานไทย
โครงการเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำจากกองทุนประกันสังคมนี้คาดว่าจะส่งผลกระทบเชิงบวกต่อเศรษฐกิจไทยในหลายมิติ ทั้งการเพิ่มกำลังซื้อของผู้บริโภค การกระตุ้นการลงทุนในธุรกิจขนาดเล็ก และการรักษาการจ้างงานในภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว
สำหรับตัวผู้ใช้แรงงานเอง มาตรการนี้จะช่วยเพิ่มโอกาสในการสร้างรายได้เสริม ลดปัญหาหนี้นอกระบบ และเปิดโอกาสให้สามารถพัฒนาทักษะใหม่ๆ ที่จำเป็นสำหรับตลาดแรงงานในอนาคต นอกจากนี้ ยังเป็นการสร้างความมั่นคงทางการเงินในระยะยาว โดยเฉพาะในกลุ่มแรงงานที่มีรายได้น้อยถึงปานกลาง
ความท้าทายและข้อควรระวัง
แม้ว่ามาตรการเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำจะมีประโยชน์มากมาย แต่ก็มีความท้าทายและข้อควรระวังที่ทั้งภาครัฐและผู้กู้ต้องตระหนักถึง
สำหรับภาครัฐ ความท้าทายคือการบริหารจัดการโครงการให้โปร่งใสและมีประสิทธิภาพ ป้องกันการทุจริตและการนำเงินกู้ไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ รวมถึงการติดตามและประเมินผลโครงการอย่างต่อเนื่อง
ส่วนผู้กู้เอง ต้องมีการวางแผนการเงินและวางแผนธุรกิจอย่างรอบคอบ ประเมินความเสี่ยงและผลตอบแทนอย่างสมเหตุสมผล เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาหนี้สินล้นพ้นตัวในอนาคต โดยเฉพาะในกรณีที่ธุรกิจไม่ประสบความสำเร็จตามที่คาดหวัง
บทสรุปและมุมมองอนาคต
นายภูมิพัฒน์ เหมือนจันทร์ โฆษกกระทรวงแรงงาน กล่าวย้ำว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานไม่นิ่งนอนใจต่อข้อเรียกร้องของผู้ใช้แรงงาน และพยายามผลักดันนโยบายในทุกมิติ ทั้งด้านการจ้างงาน การบังคับใช้กฎหมายแรงงาน การพัฒนาทักษะฝีมือแรงงาน การสร้างหลักประกันความมั่นคงในชีวิต รวมถึงความปลอดภัยในการทำงาน
กระทรวงแรงงานมุ่งมั่นที่จะใช้ทุกวิถีทางเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้ใช้แรงงานไทย และพัฒนากระทรวงแรงงานให้เป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศตามนโยบายที่กำหนดไว้
โครงการเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำนี้จึงเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการปฏิรูประบบแรงงานไทยเพื่อรองรับกับการเปลี่ยนแปลงของโลกยุคใหม่ ที่ต้องการแรงงานที่มีความยืดหยุ่น มีทักษะหลากหลาย และสามารถปรับตัวได้อย่างรวดเร็ว การสร้างโอกาสในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนจึงเป็นก้าวสำคัญที่จะช่วยให้แรงงานไทยสามารถพัฒนาตนเองและก้าวข้ามข้อจำกัดต่างๆ ไปสู่อนาคตที่มั่นคงและยั่งยืนยิ่งขึ้น