เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2568 เจ้าหน้าที่กองบังคับการตำรวจทางหลวง (บก.ทล.) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ได้ดำเนินการจับกุมผู้ต้องสงสัยในคดีการใช้เอกสารราชการปลอมและการขับรถเมื่อใบอนุญาตขับรถหมดอายุ ซึ่งเป็นการปฏิบัติการที่เผยให้เห็นถึงแผนการอันซับซ้อนในการสร้างรถแฝดเพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่
การดำเนินการจับกุม
การปฏิบัติการครั้งนี้ เกิดขึ้นภายใต้การสั่งการของ พล.ต.ต.คงกฤช เลิศสิทธิกุล ผู้บัญชาการตำรวจทางหลวง และคณะผู้บังคับบัญชาระดับสูง ประกอบด้วย พ.ต.อ.มีชัย กำเนิดพรม รองผู้บัญชาการตำรวจทางหลวง, พ.ต.อ.สุขสวัสดิ์ คูสิทธิผล รองผู้บัญชาการตำรวจทางหลวง, พ.ต.อ.บุญลือ ผดุงถิ่น รองผู้บัญชาการปราบปราม (ปฏิบัติหน้าที่ รองผู้บัญชาการตำรวจทางหลวง), พ.ต.อ.พิชญ์รุจ กุลวิมลประทีป รองผู้บัญชาการตำรวจทางหลวง, และ พ.ต.อ.สุรศักดิ์ สิทธิใหญ่ ผู้กำกับการที่ 6 กองบังคับการตำรวจทางหลวง
ทีมปฏิบัติการจับกุมนำโดย พ.ต.ท.ศตวรรฒ แวงแสน สารวัตรสำนักทางหลวงที่ 2 กองกำกับการที่ 6 กองบังคับการตำรวจทางหลวง และเจ้าหน้าที่อีกหลายนาย ได้ดำเนินการจับกุม นางสาวสุวดี อายุ 28 ปี ที่บริเวณแยกไฟแดง ตำบลนางรอง อำเภอนางรอง จังหวัดบุรีรัมย์
ข้อกล่าวหาและของกลางที่ยึดได้
ผู้ต้องหาถูกจับกุมในข้อหา “ใช้เอกสารราชการปลอม” และ “ขับรถเมื่อใบอนุญาตขับรถสิ้นอายุ” พร้อมกับการยึดของกลางสำคัญหลายรายการ ได้แก่ รถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 คน ยี่ห้อ NISSAN รุ่น NOTE สีขาว พร้อมกุญแจรถยนต์ แผ่นป้ายทะเบียนจำนวน 2 แผ่น ที่ติดอยู่ด้านหน้าและหลังรถยนต์ และแผ่นป้ายแสดงการเสียภาษีประจำปีจำนวน 1 แผ่น ที่ติดอยู่ด้านหน้าทางซ้ายในรถยนต์
พฤติการณ์การกระทำความผิด
การดำเนินการครั้งนี้เกิดขึ้นตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชาให้ออกสืบสวนติดตามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับการสวมแผ่นป้ายทะเบียนรถยนต์ปลอม ซึ่งเป็นที่รู้จักในวงการอาชญากรรมในชื่อ “รถแฝด” เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้ทำการออกตรวจตามภารกิจปกติ และพบรถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 คน ยี่ห้อ NISSAN รุ่น NOTE สีขาว ซึ่งเป็นรถยนต์ต้องสงสัยว่ามีการสวมป้ายทะเบียนรถยนต์ปลอม
รถยนต์คันดังกล่าวถูกตรวจพบผ่านระบบกล้องวงจรปิดของกองบังคับการตำรวจทางหลวง บริเวณหัวถนนและขาออกจังหวัดบุรีรัมย์ ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะติดตามและพบรถยนต์ดังกล่าวที่บริเวณแยกไฟแดง ตำบลนางรอง อำเภอนางรอง จังหวัดบุรีรัมย์
เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจแสดงตัวและทำการตรวจสอบ พบว่า นางสาวสุวดี แสดงตนเป็นผู้ขับขี่และผู้ครอบครองรถยนต์คันดังกล่าว อย่างไรก็ตาม เมื่อเจ้าหน้าที่ขอตรวจสอบเอกสารรถ ผู้ถูกจับไม่มีเอกสารใดมาแสดงแต่อย่างใด ซึ่งเป็นสัญญาณเตือนแรกที่ทำให้เจ้าหน้าที่เกิดความสงสัย
การตรวจสอบและการค้นพบหลักฐาน
การตรวจสอบแผ่นป้ายทะเบียนที่ติดมากับรถยนต์ทั้ง 2 แผ่น เผยให้เห็นความผิดปกติที่สำคัญ โดยพบว่าการตอกหมายเลขลำดับที่มุมล่างซ้ายของแผ่นป้ายมีลักษณะไม่คมชัด ซึ่งแตกต่างจากป้ายทะเบียนแท้ที่ผลิตโดยกรมการขนส่งทางบก นอกจากนี้ ยังพบแผ่นป้ายแสดงการเสียภาษีประจำปีที่ติดอยู่ด้านหน้าทางซ้ายในรถยนต์
เมื่อเจ้าหน้าที่ตรวจสอบในระบบ CRIMES (ระบบฐานข้อมูลอาชญากรรมกลาง) พบความไม่สอดคล้องที่สำคัญหลายประการ ข้อมูลรถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 คน ยี่ห้อ NISSAN รุ่น NOTE สีขาว ที่ปรากฏในระบบไม่ตรงกับรถยนต์ที่ถูกตรวจสอบ แผ่นป้ายแสดงการเสียภาษีประจำปีที่ติดกับรถยนต์มีหมายเลขเครื่องยนต์ที่ไม่ตรงกับรถยนต์คันนี้
การตรวจสอบหมายเลขตัวถังและหมายเลขเครื่องยนต์ของรถยนต์ยืนยันว่าเป็นรถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 คน ยี่ห้อ NISSAN รุ่น NOTE สีขาว แต่หมายเลขทะเบียนไม่ตรงกับเลขทะเบียนที่ติดบนรถ ซึ่งในระบบมี นางรุ่งกานต์ เป็นผู้ครอบครองรถยนต์ที่แท้จริง
การสอบสวนเบื้องต้นและการรับสารภาพ
เมื่อเจ้าหน้าที่สอบถามผู้ถูกจับ นางสาวสุวดีให้การว่าได้ซื้อรถยนต์คันดังกล่าวมาเมื่อประมาณ 2 ปีที่แล้ว จากนายต้น อายุประมาณ 30 ปี ในราคา 55,000 บาท ที่อำเภอหนองกี่ จังหวัดบุรีรัมย์ ซึ่งเป็นการซื้อรถหลุดจำนำที่มีราคาถูกกว่าราคาตลาด
สำหรับเรื่องใบเสียภาษีและ พ.ร.บ. (ใบรับรองการทำประกันภัยรถยนต์ตามกฎหมาย) ผู้ถูกจับรับว่าได้จ้างบุคคลชื่อนายอั้ม ซึ่งเป็นคนจังหวัดเพชรบูรณ์ เป็นผู้ทำเอกสารปลอมให้ โดยผู้ถูกจับได้ถ่ายภาพรถยนต์และเอกสารส่งให้ทางแอปพลิเคชันไลน์ ในราคาค่าบริการประมาณ 1,000 กว่าบาท
ลักษณะการกระทำความผิดและวิธีการหลอกลวง
คดีนี้เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของการกระทำความผิดแบบ “รถแฝด” ซึ่งเป็นวิธีการที่นักต้มตุ๋นใช้หลอกลวงเจ้าหน้าที่และหลีกเลี่ยงการตรวจสอบ โดยการซื้อรถหลุดจำนำหรือรถราคาถูก แล้วนำมาติดป้ายทะเบียนปลอมและใช้เอกสารปลอมที่ตรงกับสี รุ่น และยี่ห้อของรถคันจริงที่มีอยู่ในระบบ
วิธีการนี้ทำให้การตรวจสอบเบื้องต้นดูเหมือนปกติ เพราะข้อมูลสี รุ่น และยี่ห้อตรงกับที่อยู่ในระบบ แต่เมื่อตรวจสอบรายละเอียดเชิงลึก เช่น หมายเลขตัวถัง หมายเลขเครื่องยนต์ และลักษณะการผลิตของป้ายทะเบียน จะพบความผิดปกติได้
การใช้เทคโนโลยีในการติดต่อและทำเอกสารปลอม
จากการสอบสวนพบว่า ผู้กระทำความผิดได้ใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ในการติดต่อกับผู้ให้บริการทำเอกสารปลอม โดยใช้แอปพลิเคชันไลน์ในการส่งภาพรถยนต์และเอกสารที่ต้องการปลอมแปลง ซึ่งทำให้การทำธุรกรรมเป็นไปอย่างรวดเร็วและยากต่อการติดตาม
ราคาค่าบริการที่ประมาณ 1,000 กว่าบาทสำหรับการทำเอกสารปลอม แสดงให้เห็นว่าธุรกิจนี้มีความคุ้มค่าสำหรับผู้กระทำความผิด เมื่อเทียบกับต้นทุนการซื้อรถหลุดจำนำที่ราคา 55,000 บาท
ผลกระทบต่อความปลอดภัยทางถนนและระบบขนส่ง
การกระทำความผิดประเภทนี้ไม่เพียงแต่เป็นการหลอกลวงเท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยทางถนนและประสิทธิภาพของระบบขนส่งอีกด้วย รถที่ใช้เอกสารปลอมมักไม่ผ่านการตรวจสภาพตามกำหนด ไม่มีประกันภัยที่ถูกต้อง และอาจมีปัญหาด้านความปลอดภัยที่เป็นอันตรายต่อผู้ขับขี่และผู้ใช้รถใช้ถนนคนอื่น
นอกจากนี้ การใช้ป้ายทะเบียนปลอมยังทำให้ระบบการติดตามและการบังคับใช้กฎหมายไม่มีประสิทธิภาพ เพราะหากเกิดการกระทำผิดกฎหมายจราจรหรืออุบัติเหตุ การติดตามหาผู้รับผิดชอบจะเป็นไปได้ยาก
มาตรการป้องกันและการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่
กรณีนี้แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพของระบบการตรวจสอบที่ทันสมัยของกองบังคับการตำรวจทางหลวง โดยการใช้กล้องวงจรปิดในการติดตามรถต้องสงสัยและการตรวจสอบข้อมูลผ่านระบบ CRIMES ที่สามารถเปรียบเทียบข้อมูลได้อย่างละเอียด
ความสามารถของเจ้าหน้าที่ในการสังเกตรายละเอียดที่ผิดปกติ เช่น ลักษณะการตอกหมายเลขบนป้ายทะเบียนที่ไม่คมชัด และการตรวจสอบความสอดคล้องของข้อมูลต่างๆ เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้การจับกุมครั้งนี้ประสบความสำเร็จ
กระบวนการยุติธรรมและการดำเนินคดี
หลังจากการจับกุม เจ้าหน้าที่ได้แจ้งสิทธิและข้อกล่าวหาให้ผู้ถูกจับทราบตามขั้นตอนของกระบวนการยุติธรรม ผู้ถูกจับได้รับทราบข้อกล่าวหาและสิทธิ์ของตนแล้ว และได้ให้การรับสารภาพในข้อกล่าวหาทั้งหมด
ผู้ถูกจับและของกลางทั้งหมดได้ถูกส่งตัวไปยังหน่วยบริการประชาชนตำรวจทางหลวงนางรอง ตำบลนางรอง อำเภอนางรอง จังหวัดบุรีรัมย์ เพื่อทำการบันทึกการจับกุม ก่อนที่จะส่งต่อไปยังพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรนางรอง ภาค 2 จังหวัดบุรีรัมย์ เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
บทเรียนและข้อควรระวังสำหรับประชาชน
คดีนี้เป็นบทเรียนสำคัญที่แสดงให้เห็นถึงความซับซ้อนของอาชญากรรมในยุคดิจิทัล และความสำคัญของการตรวจสอบความถูกต้องของเอกสารและรถยนต์ก่อนการซื้อขาย ประชาชนควรระวังการซื้อรถยนต์ราคาถูกผิดปกติ และควรตรวจสอบเอกสารให้ครบถ้วนก่อนทำการซื้อขาย
สำหรับผู้ที่ต้องการซื้อรถมือสอง ควรตรวจสอบหมายเลขตัวถังและหมายเลขเครื่องยนต์ให้ตรงกับเอกสาร ตรวจสอบประวัติของรถผ่านระบบกรมการขนส่งทางบก และควรทำการซื้อขายผ่านตัวแทนหรือศูนย์รถยนต์ที่น่าเชื่อถือ
การจับกุมในครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของกองบังคับการตำรวจทางหลวงในการปราบปรามอาชญากรรมและการดำรงไว้ซึ่งความปลอดภัยบนท้องถนน ซึ่งจะช่วยสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนในการใช้รถใช้ถนนและเสริมสร้างระบบการขนส่งที่มีประสิทธิภาพและปลอดภัยต่อไป