“บิ๊กต้อย-พล.ต.อ.วิระชัย” เละยิ่งกว่า “โจ๊ก!” หุ้น ACE ร่วงกราวรูด “ติดฟลอร์” หลังข่าวโดนเด้ง

ข่าวการเมือง

“บิ๊กต้อย-พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา” โดน “ลุงตู่” เซ็นคำสั่งย้าย .พล.ต.อ.วิระชัย. ให้พ้นจากเก้าอี้รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ไปปฏิบัติราชการที่สำนักนายกรัฐมนตรี โดยไม่ขาดจากอัตราเงินเดือนทางสังกัดเดิม

ทั้งนี้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ยอมรับว่า เป็นผู้เสนอให้มีการโยกย้ายพล.ต.อ.วิระชัย ไปปฏิบัติราชการที่สำนักนายกรัฐมนตรี จากประเด็น “การปล่อยคลิปเสียงสนทนา” ระหว่างตนเองกับพล.ต.อ.วิระชัย เนื่องจากเป็นปัญหาต่อเอกภาพขององค์กร โดยมีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง และมีมติเสนอโยกย้ายพล.ต.อ.วิระชัย ไปปฏิบัติราชการสำนักนายกรัฐมนตรี เพราะเป็นนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ หากอยู่เกรงจะเป็นอุปสรรคปัญหา

เมื่อสืบสาวราวเรื่องลึกลงไปแล้ว บิ๊กต้อยได้รับผลกระทบที่หนักหนาสาหัสทางด้านธุรกิจไปพร้อมๆ กันด้วย

ถ้าจะใช้คำว่า “เละยิ่งกว่าโจ๊ก” ก็คงไม่เกินเลยไปจากความเป็นจริงใดนัก

สังคมอาจยังไม่รู้ว่า “บิ๊กต้อย” คือผู้ถือหุ้นใหญ่ของ “บริษัท แอ๊บโซลูท คลีน เอ็นเนอร์จี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ACE” จำนวน 2,282,528,920 หุ้น หรือ 22.43%ซึ่งเมื่อ “บิ๊กต้อย” เผชิญมรสุมแห่งชีวิต หุ้นของ ACE ก็ร่วงกราวรูด “ติดฟลอร์” และมีข้อมูลยืนยันว่า นายพรเมตต์ ทรงเมตตา กรรมการ บมจ.แอ๊บโซลูท คลีน เอ็นเนอร์จี้ (ACE) ซื้อหุ้นACE วันที่ 24 ม.ค.2563 จำนวน 40 ล้านหุ้นที่ราคาฟลอร์ของวันดังกล่าว 3.04 บาท มูลค่า 121.6 ล้านบาท และนายธีรวุฒิ ทรงเมตตา กรรมการ ACE ซื้อหุ้นวันที่ 24 ม.ค. 2563จำนวน 3 ล้านหุ้น ที่ราคาฟลอร์ของวัน 3.04บาท มูลค่า 9.12 ล้านบาท

แม้ผู้บริหารบริษัทคือ “นายธนะชัย บัณฑิตวรภูมิ” กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ต้องออกหนังสือชี้แจงโดยยืนยันว่า “…บริษัทไม่ได้รับผลกระทบใดๆ จากเหตุการณ์ดังกล่าว” ทว่า ในความเป็นจริง ราคาหุ้น ACE ก็ยังติดลบอย่างต่อเนื่อง

บริษัท แอ๊บโซลูท คลีน เอ็นเนอร์จี้ จำกัด (มหาชน) จดทะเบียนที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2558 ก่อนเริ่มต้นซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ครั้งแรกเมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน 2562 โดย “ครอบครัวทรงเมตตา” เป็นถือหุ้นใหญ่ คิดเป็นสัดส่วนรวมกัน 78.19% แบ่งเป็น พล.ต.อ.วิระชัย ผู้ถือหุ้น 22.43% และ “ลูกชาย” อีก 3 คือ นายพรเมตต์ ทรงเมตตา ถือหุ้น 20.97% นายธีรวุฒิ ทรงเมตตา ถือหุ้น 18.51% และนายณัฏฐ์ ทรงเมตตา ถือหุ้น 16.28%

ส่วนการบริหารงานบริษัท ACE นั้น มี น.ส.จิรฐา ทรงเมตตา ซึ่งเป็น “ภรรยา” ของพล.ต.อ.วิระชัย ดำรงตำแหน่งเป็นประธานคณะกรรมการบริหารและกรรมการ

ACE ของ “ครอบครัวทรงเมตตา” ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าและไอน้ำ และธุรกิจอื่นที่สนับสนุนหรือเกี่ยวเนื่องกับธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าและไอน้ำ ข้อมูลจากเว็บไซต์ www.ace-energy.co.th ระบุอีกว่า มีโครงการโรงไฟฟ้าที่เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) แล้วทั้งหมด 14 โครงการ จำนวนการผลิตติดตั้งรวม 212.18 เมกะวัตต์ โดยมีโครงการโรงไฟฟ้าที่อยู่ระหว่างการพัฒนา และโครงการโรงไฟฟ้าที่อยู่ระหว่างรอการพัฒนา จำนวนทั้งสิ้น 19 โครงการ ซึ่งที่ผ่านมาบริษัทสามารถทำกำไรสุทธิเติบโตได้สูงมาก และทำนิวไฮมาอย่างต่อเนื่องทุกปี

“จิรฐา ทรงเมตตา” ประธานคณะกรรมการ ACE ภรรยาของบิ๊กต้อย

โรงไฟฟ้าพลังงานชีวมวลเถิน จ.ลำปาง

ผลการดำเนินงานในปี 2559-2561 บริษัทฯ มีรายได้รวม 2,161 ล้านบาท 4,346 ล้านบาท และ 4,849 ล้านบาท เติบโตอย่างต่อเนื่องตามลำดับ คิดเป็นอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) ประมาณ 50% และมีกำไรสุทธิ 134 ล้านบาท 334 ล้านบาท และ 547 ล้านบาท ตามลำดับ

ส่วนปี 2562 ในการแถลงของ “จิรฐา ทรงเมตตา” ประธานคณะกรรมการบริหารและกรรมการ เมื่อวันที่ 27 มกราคมที่ผ่านมาภายหลังเผชิญมรสุมเรื่อง “บิ๊กต้อย” ระบุว่า ในช่วง 9 เดือน ACE มีรายได้รวม 3,399 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.2% จากรายได้รวม 3,261 ล้านบาทจากช่วง 9 เดือนแรกปี 2561 และมีกำไรสุทธิ 570 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 33% จากกำไรสุทธิ 429 ล้านบาท จากช่วง 9 เดือนแรกปี 2561

ขณะที่ในปี 2563 ในปี 2563 บริษัทฯมีแผนงานที่จะขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ด้วยการเตรียมเข้าประมูลโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนขนาดใหญ่ของภาครัฐ 2 โครงการ คือ โครงการโรงไฟฟ้าชุมชน 700 เมกะวัตต์ โดยเฉพาะโครงการ Quick-Win ซึ่งเป็นเฟสแรกของโครงการ ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นก่อนและสามารถรับรู้รายได้อย่างอย่างรวดเร็ว และ โครงการโรงไฟฟ้าขยะชุมชน 400 เมกะวัตต์ รวมแล้ว 1,100 เมกะวัตต์

นอกจากนั้น ACE ยังมี “บริษัทในเครือ” อีก 12 บริษัท ประกอบด้วย 1.บริษัท เอเชีย คลีน เอ็นเนอร์จี้ จำกัด ประกอบธุรกิจหลักโดยการถือหุ้นในบริษัทอื่น ที่ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าและไอน้ำ และธุรกิจอื่นที่สนับสนุนหรือเกี่ยวเนื่องกับธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าและไอน้ำ 2.บริษัท เพาเวอร์ซัพพลาย แอนด์ เมนเทแนนซ์ เซอร์วิส จำกัด หรือ PSMS ประกอบธุรกิจด้านวิศวกรรมซ่อมบำรุงโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนภายในกลุ่มบริษัทฯ เป็นหลัก

ส่วนที่เหลืออีก 10 บริษัทคือ บริษัท แอ๊ดวานซ์ คลีน เพาเวอร์ จำกัด หรือ ACPบริษัท อัลไลแอนซ์ คลีน เพาเวอร์ จำกัด หรือ ALCP บริษัท แอ๊ดวานซ์ อะโกร เพาเวอร์ แพลนท์ จำกัด หรือ AAPP บริษัท แอ๊ดวานซ์ เอเชีย เพาเวอร์ แพลนท์ จำกัด หรือ AAP บริษัท แอ็ดวานซ์ ไบโอ เอเชีย จำกัด หรือ ABA บริษัท แอ๊ดวานซ์ ฟาร์ม ทรี จำกัด หรือ AFT บริษัท ไบโอ เพาเวอร์ แพลนท์ จำกัด หรือ BPP บริษัท เอซีอี โซลาร์ จำกัด หรือ ACE SOLAR บริษัท ปราสาทพรรุ่งเรือง จำกัด หรือ PSPR และบริษัท แอ๊ดวานซ์ อะโกร เอเชีย จำกัด หรือ AAA ประกอบธุรกิจหลักในการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าและไอน้ำภายใต้โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานสะอาดจากเชื้อเพลิงหลัก

ทั้งนี้ การลดลงของราคาหุ้น ACE ทำให้มูลค่าของบริษัทฯลดลงจาก 43,960.32 ล้านบาท (เมื่อวันที่ 23 มกราคม) เหลือ 32,363.19 ล้านบาท หรือมูลค่าลดลง 11,597.13 ล้านบาท และเมื่อคิดมูลค่าหุ้นในสัดส่วนที่ครอบครัว ‘ทรงเมตตา’ ถือหุ้นอยู่ 78.19% ใน ACE จะพบว่า เพียงวันเดียว ความมั่งคั่งของครอบครัว ‘ทรงเมตตา’ ลดลงมาอยู่ที่ 25,309.46 ล้านบาท หรือลดลง 9,067.79 ล้านบาท

กล่าวเฉพาะตัว “จิรฐา ทรงเมตตา” หรือชื่อเดิมคือ “ศิริวรรณ” นั้น มีความน่าสนใจไม่น้อย ด้วยสกุลเดิมของเธอคือ “ดำเนินชาญวนิชย์” โดยเป็นลูกสาวของนายกิตติ ดำเนินชาญวนิชย์ ประธานผู้ก่อตั้งกลุ่มบริษัท เกษตรรุ่งเรืองพืชผล (ซุ่นฮั่วเส็ง) กลุ่มสวนกิตติ และกลุ่มบริษัท แอ๊ดวานซ์ อะโกร ผู้ผลิตกระดาษดั๊บเบิ้ลเอ ซึ่งมีลูกชายและลูกสายทั้งหมด 7 คน เป็นลูกชาย 5 คนและลูกสาว 2 คน แต่ต่อมาเกิดความขัดแย้งและมีการฟ้องร้องกันภายในตระกูล น.ส.จิรฐา หรือน.ส.ศิริวรรณ จึงแยกตัวออกมาก่อตั้งธุรกิจเป็นของตัวเอง คือ ธุรกิจโรงไฟฟ้า

และแน่นอนว่า “จิรฐา” มี “คอนเนกชัน” ที่ไม่ธรรมดา เพราะผ่านสารพัดหลักสูตร โดยเฉพาะหลักสูตร วปอ. รุ่นที่ 54 ที่มีเพื่อนร่วมรุ่นคือนางสมถวิล วงษ์สุวรรณ ภรรยา พล.ต.อ. พัชรวาท วงษ์สุวรรณ

เรียบเรียงจาก https://mgronline.com/daily/detail/9630000010459