อุบัติเหตุย่อมไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น !!! แต่แม้ว่าเราจะไม่ประมาทหรือระมัดระวังขนาดไหน ก็เป็นไปได้ที่จะเกิดอุบัติเหตุ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ รถโดยสาร ดังนั้นเมื่อเกิดเหตุ
เราจำเป็นจะต้องรู้ว่าสามารถเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนกับบริษัทประกันภัยได้อย่างไรบ้าง
การคุ้มครองจากการประกันภัยที่เกิดขึ้นจากการใช้รถยนต์ มีอยู่ด้วยกัน 2 ประเภท คือ
1. ประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับหรือพรบ.รถยนต์
จะให้ความคุ้มครองและชดใช้ค่าเสียหายที่เกิดขึ้นเฉพาะตัวบุคคล(ไม่คุ้มครองรถยนต์หรือทรัพย์สิน) เรียกได้ว่าเป็นการคุ้มครองกรณีที่บาดเจ็บหรือเสียชีวิต เท่านั้น การคุ้มครองรับผิดชอบเรื่องค่ารักษาพยาบาลตามที่จ่ายจริง ไม่เกิน 80,000 บาท และไม่ต้องรอพิสูจน์ถูกผิด (กรณีเป็นผู้โดยสาร) ค่าชดเชยรายวันจ่ายให้ผู้ป่วยที่ต้องนอนโรงพยาบาลวันละ 200 บาทต่อวัน ไม่เกิน 20 วัน ค่าปลงศพ เสียชีวิต ทุพพลภาพจ่ายให้ทายาท 300,000 บาท(รวมค่ารักษาพยาบาลที่เกิดขึ้นก่อนเสียชีวิตด้วย)
ข้อควรจำ ต้องยื่นเอกสารเรียกค่าสินไหมภายใน 180 วัน นับจากวันที่เกิดเหตุ ให้ยื่นเอกสารกับบริษัทประกันภัยที่รับทำ พ.ร.บ. รถคันที่ผู้ประสบภัยโดยสารมา หากบริษัทประกันภัยปฏิเสธการจ่ายเงินให้เรียกร้องที่ สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.)
2. ประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจ (ประกันภัยชั้น 1,2,3)
ประกันภัยประเภทนี้กฎหมายไม่ได้บังคับแต่เป็นความสมัครใจที่จะทำความคุ้มครองเพิ่มเติมของผู้เอาประกัน ซึ่งเบี้ยประกันภัยจะมากหรือน้อยก็ขึ้นอยู่กับความคุ้มครองนั่นเอง โดยความคุ้มครองนี้จะรวมถึงชีวิต ทรัพย์สิน และค่าเสียหายอื่น ๆ ที่เกิดขึ้น ดังนี้
ค่ารักษาพยาบาลส่วนเกินจาก พ.ร.บ. ทั้งในปัจจุบันและในอนาคต ค่าทนทุกข์ทรมานจากการบาดเจ็บ
ค่าทรัพย์สินที่เสียหายหรือสูญเสียในขณะเกิดอุบัติเหตุ ค่าเสียหายอื่นๆ เช่น ค่าขาดโอกาสในการเดินทาง หรือทำงาน ค่าขาดรายได้ เป็นต้น
บริษัทประกันจะรับการเรียกร้องจากผู้เสียหาย โดยจะพิจารณาจากข้อมูล เอกสารแนบ เช่น ใบเสร็จค่ารักษาพยาบาล ใบรับรองเงินเดือนหรือสลิปเงินเดือนในกรณีเรียกร้องค่าเสียเวลาในการทำงานไม่ได้
ความเสียหายของทรัพย์สินก็สามารถเรียกร้องได้เช่นกัน โดยพิจารณาจากเอกสารและความเป็นไปได้จริง
หากตกลงค่าสินไหมกันไม่ได้อย่าเซ็นชื่อลงในเอกสารที่มีข้อความนี้อยู่ “ยินยอมรับเงินค่าเสียหาย โดยไม่ติดใจเอาความกับบริษัทรถยนต์ เจ้าของบริษัทรถยนต์ บริษัทประกันภัย หรือผู้มีส่วนเกี่ยวข้องอื่น ๆ” เพราะจะทำให้ไม่สามารถฟ้องเรียกค่าเสียหาย เพิ่มเติมต่อศาลได้อีก
ดังนั้น หากไม่มั่นใจ มีข้อสงสัยหรือประสบปัญหาในการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนจากบริษัทประกันภัยหรือจากผู้ประกอบการบริษัทรถโดยสารก็สามารถขอคำปรึกษาหรือขอให้มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค ช่วยเหลือดำเนินการแทนในการเจรจาต่อรอง หรือฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายเพื่อให้ได้รับการชดเชยค่าเสียหายเต็มตามสิทธิโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ
และจำไว้เสมอว่า การเรียกร้องสิทธิเป็นความชอบธรรมที่ผู้เราในฐานะผู้เสียหาย สามารถกระทำได้ โดยมีหลักฐานข้อเท็จจริงแนบเสมอ
#ประกัน 2+ กับ 3+ ต่างกันอย่างไร pantip
#ประกัน ชั้น 3 กับ 3+ ต่างกันอย่างไร pantip
#ประกัน ชั้น 1 กับ 2+ ต่างกันอย่างไร
#ประกันรถยนต์ 3+
#ประกันชั้น 3
#ประกันรถยนต์ 3+ คุ้มครองอะไรบ้าง
#ประกัน ชั้น 2 กับ 2+ ต่างกันอย่างไร pantip
#ประกันรถยนต์ชั้น 1
#ประกันภัย รถยนต์ชั้น 1 ที่ไหน ดี
#ประกันภัยรถยนต์ 2+
#ราคา ประกันภัย รถยนต์ชั้น 1 ทุกบริษัท
#ประกันภัยรถยนต์ 3+
#ประกันภัยรถยนต์ pantip
#ตารางเปรียบเทียบประกันภัยรถยนต์
#ประกันภัย รถยนต์ชั้น 1 วิริยะ ราคา เท่า ไหร่
#ประกันภัยรถยนต์ วิริยะ