โควิด-19 เปลี่ยนชีวิตทุกคนไปตลอด ผู้เชี่ยวชาญเผย

โควิด-19 เปลี่ยนโลก

          เป็นเวลานานนับเดือน ที่เราต้องหยุดกิจกรรมต่าง ๆ เพราะการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 หลายคนอาจกำลังพยายามทำให้ให้คุ้นกับวิถีชีวิตที่เปลี่ยนไปอย่างสุดขั้ว แต่ในขณะเดียวกัน หลายคนอาจเริ่มตั้งคำถามว่า หลังจากภาวะวิกฤตินี้จบลง โลกจะเป็นอย่างไร และผู้เชี่ยวชาญหลาย ๆ ท่าน ได้คาดการณ์เอาไว้ว่า หลังวิกฤติโควิค-19 จบลงแล้วนั้น วิธีชีวิตของทุกคนจะเปลี่ยนแปลงไปตลอดกาล

การทำงานจากบ้าน เป็นเรื่องปกติ

เมื่อเกิดการระบาดใหญ่ของโควิค-19 จึงส่งผลให้เกิดการ “ทำงานจากบ้าน” Matthew Prince ซีอีโอของ Cloundflare ชี้ให้เห็นว่า พฤติกรรมการใช้อินเตอร์เน็ตของคนมีการเปลี่ยนแปลงไปมาก คนหันมาหาแบบเรียนออนไลน์ให้ลูก ๆ มากขึ้น หาวิธีสื่อสารกับเพื่อนร่วมงาน เพื่อน และครอบครัวทางออนไลน์ รวมไปถึงนายจ้าง ก็ยืดหยุดให้ลูกจ้างมากขึ้น โดยแนวโน้มนี้ จะเป็นแบบนี้ต่อไป แม้วิกฤตโควิด-19 จะจบลงแล้ว

สำนักงานลดลง

เมื่อเกิดการทำงานจากบ้าน จึงทำให้หลาย ๆ บริษัทได้ตัดสินใจที่จะลดภาระค่าใช้จ่ายเรื่องสถานที่ลงไป โดย Tim Bajarin ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ของ Creative Strategies ออกมาบอกว่า ในตอนนี้ทางบริษัทกำลังพิจารณาให้พนักงาน กว่า 25 เปอร์เซ็นต์ ทำงานจากที่บ้าน พร้อมมองว่า นี่อาจเป็นจุดจบของสิ่งแวดล้อมในที่ทำงาน เช่นเดียวกับคิคเห็นของ Eva Chen ซีอีโอแห่ง Trend Micro ชี้ให้เห็นว่า บริษัทต่าง ๆ จะไม่มีออฟฟิศขนาดใหญ่อีกต่อไป เพราะการทำงานหลังจากนี้ จะเป็นการทำงานแบบทางไกล ด้วยระบบออนไลน์แทน

ระบบการทำงานจะเปลี่ยนไป

Sampriti Ganguli ซีอีโอบริษัท Arabella Adbisor ได้ออกมากล่าวว่า เราทุกคนจะกลายเป็น “BBC Man” คือ การทำงานจากบ้าน ที่มีลูก ๆ หรือสัตว์เลี้ยงมากวนใจ พร้อมย้ำอีกว่า อาจต้องใช้เวลาอีกนานกว่าที่เราจะกลับเข้าสู่โลกของออฟฟิศ Steve Case ซีอีโอของ Revolution มองว่า หลายคนใช้เวลานี้ ย้านถิ่นฐานกลับไปอยู่กับครอบครัว เพราะสามารถทำงานที่บ้านได้แล้ว อีกทั้งยังเกิดการจ้างพนักงานช่องทางออนไลน์มากขึ้น ถือว่า ได้ประโยชน์ทั้งฝั่งนายจ้าง และฝั่งลูกจ้าง

ร่งการเปลี่ยนผ่าน สู่โลกดิจิตอล

สถานการณ์โรคโควิด-19นี้ ทำให้เราเห็นได้ชัดว่า ผู้คนต่างใช้เทคโนโลยี ไม่ว่าจะเป็นการใช้เวลากับครอบครัว การเข้าร่วมธุรกิจ และการทำงาน โดยการใช้เทคโนโลยีเหล่านี้ จะกลายเป็นวิถีชีวิตแบบใหม่ Stan Chudnovsky โดยรองประธานของ Messenger Facebook มองว่า การยอมรับเรื่องเทคโนโลยีต่าง ๆ ที่ช่วยให้เราทุกคนเชื่อมโยงกันมากขึ้น จะเป็นประต่อตัวเราเองในระยะยาว